| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
ลมหวน ชวนให้คิด ถึงความหลัง | ภวังค์จิต คิดขื่นขม ระทมใจ |
ตัวใครเป็น คนผิดอยากถามนัก | รักไยใจจึงกลับ ดังลมหวน |
ใกล้เรา กล่าวถ้อย ในที่รัก | เจ็บนัก พอถึงอื่น ก็คืนคำ |
มาทำชิด สนิทใหม่ใครจะเชื่อ | เบื่อแล้วไยจะ มารับกลับคืน |
ตัวใครเป็นคนผิดอยากถามนัก | รักไยใจจึงกลับ ดังลมหวน |
ใกล้เรา กล่าวถ้อยในที่รัก | เจ็บนัก พอถึงอื่น ก็คืนคำ |
มาทำชิด สนิทใหม่ใครจะเชื่อ | เบื่อแล้วไยจะ มารับกลับคืน |
ลาวครวญ
โอ้พระชนนี ชนนีศรีแมนสรวง | จะโศกทรวงเสียวรู้สึกระลึกถึง |
ไหนทุกข์ถึงบิตุรงค์ บิตุรงค์ทรงรำพึง | ไหนโศกซึ้งถึงตูคู่หทัย |
* ร้อยชู้หรือจะสู้หรือจะสู้เนื้อเมียตน | เมียร้อยคนหรือจะสู้พระแม่ได้ |
พระแม่อยู่เยือกเย็น เยือกเย็นไม่เห็นใคร | หรือกลับไปสู่นครก่อนจะดี (ซ้ำ*) |
ลุ่มเจ้าพระยา
ลุ่มเจ้าพระยา เห็นสายธาราไหลล่อง เพียงแต่มองหัวใจให้ป่วน |
น้ำไหลไปแล้วไม่ไหลทวน ชีวิตเราไม่มีหวล ไม่กลับทวนเหมือนกัน |
เราเกิดมาผูกใจรักกันดีกว่า เพราะว่าชีวาแสนสั้น |
เราอย่าได้เสทือนหัวใจต่อกัน ทิ้งชีวิตอันสุขใจ |
อย่าแตกกันเลย รักไว้ชมเชยคงมั่น จงผูกพันธ์กันชื่นใจ |
ขอจงเป็นเหมือนเช่นนกไพร ที่เหิรบินคู่กันไป หัวใจคู่กัน |
ลูกชาวนา
ฉันเป็นลูกชาวนา | เกิดมาในชนบทใหญ่ |
บัดนี้ฉันเจริญวัย | พ่อฉันใช้ให้ไถนาวันยังค่ำ |
เช้าก็อยู่กลางนา | กลับมาสุริยาก็ตกต่ำ |
แดดเผาเสียจนตัวดำ | สุขเหลือล้ำค่ำแล้วนอนหลับตา |
บรรดามิตรสหายทุกคนแก่นแก้ว | เด็กซนจนน้องพี่ระอา |
ตื่นเช้าก็ไปกลางนา | นัดประชุมเฮฮาตลอดเวลาเพลินใจ |
มิมีจิตกังวล | ดิ้นรนทะยานตนจนเติบใหญ |
รอบรู้วิชาเลี้ยงควาย | หมั่นเลี้ยงไว้ได้ไถนาคู่กัน (ซ้ำทั้งหมดอีกครั้ง) |
โลกนี้คือละคร
...โลกนี้นี่ดูยิ่งดูยอกย้อน | เปรียบเหมือนละคร ถึงบทเมื่อตอน เร้า ใจ |
...บทบาทลีลาแตกต่างกันไป | ถึงสูงเพียงใด ต่างจบลงไป เหมือน กัน |
...เกิดมาต้องตาย ร่างกายผุพัง | ผู้คนเขาชัง คิดยิ่งระวัง ไหว หวั่น |
...ต่างเกิดกันมาร่วมโลกเดียวกัน | ถือผิวชังพรรณ บ้างเหยียดหยันกัน เหลือเกิน |
...โลก นี้ คือละคร | บทบาทบางตอน ชีวิตยอกย้อน ยับเยิน |
...ชีวิตบางคนรุ่งเรืองจำเริญ | แสน เพลิน เหมือนเดินอยู่บนหนทางวิมาน |
...โลกนี้นี่ดู ยิ่งดูเศร้าใจ | ชั่วชีวิตวัย หมุนเปลี่ยนผันไป เหมือน ม่าน |
...เปิดฉากเรืองรองผุดผ่องตระการ | ครั้นแล้วไม่นาน ปิดม่านเป็น ความเศร้าใจ |
...โลกนี้นี่ดู ยิ่งดูเศร้าใจ | ชั่วชีวิตวัย หมุนเปลี่ยนผันไป เหมือน ม่าน |
...ปิดฉากเรืองรองผุดผ่องตระการ | ครั้นแล้วไม่นาน เปิดม่านเป็น ความเศร้าใจ |
โลกหมุนเวียน
คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล ทำนอง เวส สุนทรจามร
อันตรายหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนที่ในโลกเรา ทั้งเขทั้งเราก็คงเห็นเช่นกัน |
ไม่เที่ยงไม่แท้ปรวนแปรทุกวัน ต่างเปลี่ยนแปรฝัน อยู่นานนับวันมากหน |
โลกเราทุกวันผลัดเปลี่ยนแปรผันง่ายดาย ทั้งหญิงทั้งชายก็มีดีร้ายเจือปน |
แต่ก่อนเศรษฐีเดี๋ยวนี้ซิจน ผลัดเปลี่ยนเวียนวน จะแน่ไฉนกับโชคโลกเรา |
โลกเรานี้ก็เหมือนเวทีที่กว้างใหญ่ เราเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่า |
ต่างมีกรรมทุกผู้หมู่เหล่า เพราะว่าเขากับเรา เกิดมาแสดงละครกัน |
ละครของโลกมีโศกมีทุกข์สุขปน คลุกเคล้าระคนชั่วดีเจ็ดหนปนกัน |
อยู่ ๆ ก็ร้ายแล้วหายไปพลัน กลับเปลี่ยนแปรผัน ความดีเลวนั้นช่างกลับช่างกลาย |
โลกเราผันแปรเกิดแก่เจ็บตายว่ายวน คนเราทุกคนไม่มีใครพ้นความตาย |
เมื่อเกิดมาแล้วไม่แคล้วสักราย บทบาทสุดท้าย ไม่มีใครแคล้วตายเพื่อนเอ๋ย |
เป็นคนทั้งทีรีบก่อความดีให้สม ทุก ๆ สังคมจะได้นิยมชมเชย |
เมื่อพลาดเพลี่ยงพล้ำอย่าซ้ำนักเลย ไม่ช่วยก็เฉย โปรดเกิดอย่าเย้ยย่อนหนักผ่อนเบา |
ชีพยังอยู่ให้เขาชื่นชูประเสริฐกว่า ใยจะมาอิจฉากันเล่า |
อย่าเป็นคนคนเสียทีที่เกิดเปล่า เพราะว่าเขากับเรา ไม่วายต้องตายทุกเวลา |
ยามชีวิตยังจะฝากจะฝังอะไร ครั้นถึงตายไปโลกเราจะได้บูชา |
ด้วยเหตุฉะนี้ความดีนานา อุตส่าห์ใฝ่หา ประเสริฐหนักหนายิ่งกว่าอะไร |
วังน้ำวน
วังน้ำวนสายชลวนไหลเชี่ยว เป็นเกลียวลึกลง |
เกลียวน้ำวนวนวิ่งดิ่งตรง ลึกลงทุกที |
สิ่งใดที่หลงในวงวน อับจนจะพ้นฤามี |
สายชลเชี่ยววนนที เหลือที่จะดันสายชล |
วังน้ำวนแม้วนแรงเล่า ไม่เท่ารักวน |
วังรักวนวนด้วยเล่ห์กล วกวนกันไป |
หากใจใครถลำรักตน รักพาใจวนหลงวนเวียนใจ |
สุดปัญญาสุดหาทางไป ทุกข์ทนจนใจอยู่ในวังรักวน |
รักลึกล้นกลสวาท อาจจะก่อกรรมหัวใจให้มัวหม่น |
เล่ห์ความรักวนเปรียบน้ำวน ใครถูกกลต้องหลง |
วิวาห์น้ำตา
หยดหนึ่งน้ำสังข์ ที่ไหลหลั่งมา | มันเคล้าด้วยน้ำตา | ของข้า ที่ไหลร่วงริน |
แทนน้ำถ้อย มาร้อยให้พร จนสิ้น | เพื่อฝากรอย ถวิล | ถึงถิ่นเคยรัก เคยชื่น |
หยดหนึ่งน้ำสังข์ เพียงข้าหลั่งนอง | ยามเจ้าก้มโน้มรอง | ยังหลบ ตาหมองสะอื้น |
โลมเจ้าสุข แต่รักข้าทุกข์ เต็มตื้น | ไปคู่ครองคนอื่น | ปล่อยข้าฝืน ระทม |
ขอ สาป แล้ว เอย | ไม่ ลืม เลย ครั้งหนึ่งที่เคย ช้ำ ตรม | |
เหลือ เพียงแต่น้ำตาพรม | จะ มอบไว้ ให้ชม เป็นมิ่งขวัญ อำลา | |
หยดหนึ่ง น้ำสังข์ ยังไหลหลั่งเตือน | ยามข้าพราก รักเลือน | จึงเปรียบ ได้เหมือนน้ำตา |
เรือนหอที่ มานะสร้างไว้ คอยท่า | ต้องกับพัง ทันตา | เหลือที่จะคว้า มาชม |
ขอ สาป แล้ว เอย | ไม่ ลืม เลย ครั้งหนึ่งที่เคย ช้ำ ตรม | |
เหลือ เพียงแต่น้ำตาพรม | จะ มอบไว้ ให้ชมเป็นมิ่งขวัญ | |
อำลา หยดหนึ่ง น้ำสังข์ ยังไหลหลั่งเตือน | ยามข้าพราก รักเลือน | จึงเปรียบ ได้เหมือนน้ำตา |
เรือนหอที่ มานะสร้างไว้ คอยท่า | ต้องกับพัง ทันตา | เหลือที่จะคว้า มาชม |
ศาสนารัก
หสักศาสนาทั่วไป ย่อมมีสรณะยิ่งใหญ่ องค์เดียวยึดไว้แน่นหนา |
หลักรักควรตรึงติดตรา เช่นศาสนาบูชานั้นเดียว |
ศาสนารักก็มี สั่งสอนซาบชึ้งทวี บูชาสามีผู้เดียว |
นอกนั้นไม่ปองข้องเกี่ยว มั่นแต่รักเดียวผัวเดียวตลอคไป |
มีพระเจ้าแห่งรักเพียงหนึ่ง เป็นที่พึ่งนับถือให้ซึ้งฤทัย |
ชู้ทางกับมารพาลหัวใจ ใช่พ่อพระควรอาลัย ใจอย่าได้นำพา |
กงจักรไม่เหมือนดอกบัว เรื่องชายเรื่องชู้เรื่องชั่ว พาตัวหมองมัวหนักหนา |
ผิดศีลธรรมแลต่ำช้า บาปกรรมหนักหนา ชั่วช้าเลวทราม |
สอนน้อง
น้องเอยพี่จะสอนจะสั่ง | รักนั่นเป็นเหมือนดั่ง | สิ่งที่ทั้งร้อนและเย็น |
บางคนโชคดีไม่มีลำเค็ญ | ได้พบข้างเย็น | ไม่เคยลำเค็ญจนตาย |
น้องเอยบ้างก็ไร้ความสุข | รักนั่นเป็นความทุกข์ | แผดเผา ให้ใจมลาย |
ทรมานจิตใจทุรนทุราย | ผู้หญิงผู้ชายโดนเข้าแล้วเป็นงงงัน | |
ความรักนิรันดร | นั้นคือต้องอ่อน | ผ่อนปรนเข้าหากัน |
จะหนักนิดเบาหน่อยนั่น | อภัยให้กัน | รักเป็นไม่มีโรยรา |
น้องเอย เย็นหรือร้อนไม่แปลก | ขอแต่เพียงให้แทรก | อภัย ปรานี เมตตา |
เป็นแกนมั่นคงอยู่ในศรัทธา | จะรักมั่นไป | ตราบจนฟ้าดินสลาย |
สุขกันเถอะเรา
คำร้อง สมศักดิ์ เทพานนท์ ทำนอง ธนิต ผลประเสริฐ
สุขกันเถอะเราเศร้าไปทำไม อย่ามัวอาลัยคิดร้อนใจไปเปล่า |
เกิดมาเป็นคนอดทนเถอะเรา อย่ามัวซมเซาทุกคนเราทนมัน |
โลกคือละครอย่าอาวรณ์เลย สุขทุกข์ยังเคยรับและเป็นเช่นกัน |
ปล่อยไปตามบุญและกรรมบันดาล อย่ามัวโศกศัลย์ยิ้มสู้มันเป็นไร |
เชิญสำราญ ร่วมเบิกบานดวงใจ ลืมทุกข์ไปทำให้ใจรื่นเริง |
สุขกันเถอะเราอย่ามัวรีรอ อย่าทำหน้างอยิ้มนิดพอใจชื่น |
ชีพจะดำรงค์อยู่ยงคงคืน ต่ออายุยืน นิดเดียวให้ชื่นใจ |
โลกคือละคร ทุกตอนต้องแสดง ทุกคนทนไป |
อย่าอาลัยยิ้มกันสู้ไป จะได้สบาย |
| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |