| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

เพลงไทยให้คติ

กลิ่นโคลนสาบควาย

      อย่าดูหมิ่น ...ชาวนาเหมือนดั่งตาสี เอาผืนนาเป็นที่พำนักพักพิงร่างกาย
ชีวิตเอยไม่เคยสบาย ฝ่าเปลวแดดแผดร้อนแทบตายไล่ควายไถนาป่าดอน
      เหงื่อรินหยด ...หลั่งลงรดแผ่นดินไทย จนผิวพรรณเกรียมไม้ แดดเผามิได้อุทรณ์
เพิงพักกายมีควายเคียงนอน สาบควายกลิ่นโคลนเคล้าโชยอ่อน ยามนอนหลับแล้วใฝ่ฝัน
      กลิ่นโคลนสาบควาย เคล้ากายหนุ่มสาวแห่งชาวบ้านนา           ไม่ลอยเลิศฟ้าเหมือนชาวสวรรค์
หอมกลิ่นน้ำปรุงฟุ้งอยู่ทุกวัน กลิ่นกระแจะจันทน์ หอมเอยผิวพรรณนั้นต่างชาวนา
      อย่าดูถูกชาวนาเห็นว่าอับเฉา  มือถือเคียวชันเข่า เกี่ยวข้าวเลี้ยงเราผ่านมา
ชีวิตคนนั้นมีราคา ต่างกันแต่ชีวิตชาวนา บูชากลิ่นโคลนสาบควาย (ซ้ำ *)

กังหันต้องลม
คำร้อง จินต์ วัฒนปฤต      ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

         กังหันต้องลมหมุนวน     ไม่รู้กี่หนต่อวัน
แต่ใจคนหมุนเวียนผัน     ไม่รู้ว่าวันละกี่หน
นี่แหละน้ำใจ     เชื่ออะไรกับน้ำใจคน
         วันนี้ยังรักกันอยู่     ทั้งคู่ก็สดก็ชื่น
พรุ่งนี้รักอาจเป็นอื่น     คู่ชื่นก็กลับชอกช้ำ
         วันนี้อาจเลิกรักกัน     รุ่งอีกวันอาจรักกันใหม่
รักกันแล้วจืดจางไป     ต่างก็ไม่รักกันจริง
         แต่ครั้นแล้วผลสุดท้าย     ทางฝ่ายชายก็โทษหญิง
ต่างก็ไม่รักกันจริง     ทางฝ่ายหญิงก็โทษชาย
         กังหันต้องลมหมุนวน     ไม่รู้กี่หนต่อวัน
แต่ใจคนหมุนเวียนผัน     ไม่รู้ว่าวันละกี่หน
นี่แหละน้ำใจ  ย่อมวนเวียนไป     คล้ายกังหันต้องลม

เก็บรัก

      ...เก็บรัก  เอาไว้ในอก  ดีกว่าหยิบยก  รักไปให้ใคร           เก็บรัก  เอาไว้ในใจ คงไม่ทำให้ ใจหมอง                  
เก็บรัก เอาไว้ดีกว่า , ไม่เสื่อมราคา  น้ำตาไม่นอง ค่ารัก มันสูงเกินทอง  อย่าทำเป็นลอง ยกให้ใคร
      อย่าเอาความรัก ไปมอบให้คน ที่ไม่รู้ค่า  จะเสียเวลา หมดเปลืองหัวใจ
ค่าความรัก  สูงยิ่งสิ่งใด จงเก็บเอาไว้ ทุ่มให้คนที่ดี
      เช่นฉัน  เคยช้ำมาก่อน จึงฝากคำสอน  ไว้เตือนสตรี
พลาดแล้ว ไม่แคล้วราคี  ครวญใคร่ให้ดี ก่อนยกให้ใคร
      อย่าเอาความรัก ไปมอบให้คน ที่ไม่รู้ค่า จะเสียเวลา หมดเปลืองหัวใจ
ค่าความรัก  สูงยิ่งสิ่งใด จงเก็บเอาไว้ ทุ่มให้คนที่ดี
      เช่นฉัน  เคยช้ำมาก่อน จึงฝากคำสอน ไว้เตือนสตรี
พลาดแล้ว ไม่แคล้วราคี ครวญใคร่ให้ดี ก่อนยกให้ใคร

เกิดเป็นคน
คำร้อง ชอุ่ม ปัญจพรรค์      ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

         เกิดมาเป็นคน     บุญน้อยนำจน     ต้องทนคิดสู้
บุญหนักมักน้อยนำชู     ให้อยู่สบาย     ดังเทพไทเสกสรรค์
         แต่คุณความดี     สิ่งนี้ฤดี     ควรมียึดมั่น
คนมั่งมีหรือจนนั้น     โลกเขาเทียบกัน     ก็ตรงที่ความดี
         ทรัพย์สินเงินตรา     หาไปคงได้ทวี
         แม้เดิมมั่งมี     ประพฤติไม่ดีก็จน
         เรานี้ขยันไม่บิดผันการงาน     ประพฤติแก่นสารเฉกวัฒนธรรม
หากคิดกลัวจน      ต้องสนใจงาน       มัวคิดสราญพาลให้ล่มจม
         มาซิพวกพ้องเหล่าพี่น้องชาวไทย     ฝึกฝนใจไว้ให้เข้มแข็งอดทน
ถ้าแพ้ใจคน     ไม่พ้นจนใจ     พวกเราชาวไทยต้องใจมั่นคง

เกิดมาพึ่งกัน

         เกิดเป็นคนอย่าเห็นแก่ตนแหละดี     ถึงจะมีร่ำรวยสุขสันต์
จนและมีไม่เป็นที่สำคัญ     แม้รักกันพึ่งพา     อย่าไปตัดไมตรี
         เกิดมาพึ่งกัน     ผิวพรรณใช่แบ่งศักดิ์ศรี     วันนี้เราอยู่คิดดูให้ดี
ถึงจะจนจะมี     อย่าไปสร้างเวรกรรม     ขืนไปทำชั่วไป     อาจต้องใช้กรรมเวร
         อย่างมงายโลภหลง     เพราะคงจะเกิดลำเค็ญ
สร้างบุญพระท่านคงเห็น     ร่มเย็นพ้นความกังวล
ถึงจะวิบัติขัดสน  ผลบุญนำให้     ศีลธรรมมั่นใจไม่ต้องกังวล     ถึงจะมีจะจนเกิดกุศลดลใจ

คนจนคนจร

      ...เหมือนนกขมิ้นเหลืองอ่อนนั่นแล้วตัวเรา           ความจนอับเฉา ต้องจรเร่ร่อน เรื่อยไป 
สู้แดดลมฝนทนทรมานใจ ค่ำแล้วนอนไหนยังไม่เห็นทาง อ้างว้างเหมือนกาหลงรัง
ถึงจนทนกิน และกัดก้อนเกลือ ลำเค็ญ ใครเล่าจะเห็น นึกเป็นโชคร้าย ประดัง          
      แสนยากหากไร้ไม้ตอกคนชัง แอบอิงพิงหลังอุ่นเนื้อขวัญใจ ไม่นึกน้อยใน ตัวเรา
คน จน คนจร หมอน หมิ่น พลัดที่พลัดถิ่น อับเฉา  ใคร ๆ ดูแคลนหยามประนามเราไม่นึกน้อยในตัวเรา
ทุกคนเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่า โอ้เขาเหยียดกัน ทำไม 
เหมือนนกขมิ้นเหลืองอ่อนนั่นแล้ว คิดดู ไร้ญาติขาดชู้  ต้องจรเร่ร่อน เรื่อยไป
แม้นหากมีชู้คู่ อิงเอนใจ ค่ำแล้วนอนไหนไม่นึกกังวล  อิ่มชู้คู่กมล คนเดียว 
...คน จน คน จร หมอน หมิ่น พลัดที่พลัดถิ่น อับเฉา
ใคร ๆ ดูแคลนหยามประนามเรา  ทุกคนเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่า โอ้เขาเหยียดกัน ทำไม
เหมือนนกขมิ้นเหลืองอ่อนนั่นแล้ว คิดดู ไร้ญาติขาดชู้ ต้องจรเร่ร่อน เรื่อยไป
แม้นหากมีชู้คู่ อิงเอนใจ ค่ำแล้วนอนไหนไม่นึกกังวล อิ่มชู้คู่กมล คน เดียว...

คลื่นกระทบฝั่ง

         ริมทะเลคลื่นซัดน่าฟัง     คลื่นกระจายประดัง     กระทบฝั่งพลันละลาย
ชลสินธุ์มันดิ้นพราวพราย     พอคืนพื้นหาดทราย     ก็ละลายหายไป
ด้วยพื้นของทราย     ดูดทรายลงไปพลัน
         น้ำเสียงฟังไกลใกล้     ก้องทั่วไปฤทัยไหวหวั่น
ซ่าแล้วกลืนสิ้นพลัน     แต่แล้วก็พลัน ซ่ากระจาย
         คำผู้ชายง่ายนักจักฟัง     ดุจดังคลื่นประดัง     กระทบฝั่งละลาย
นานไปก็สิ้นความหมาย     ดั่งคลื่นฝังฝั่งทราย     พูดแล้วเลือนเคลื่อนคลาย
สิ้นรักเมื่อปลาย     สุดที่จะฟัง
         น้ำเสียงชายคลายเคลื่อน     แรกสะเทือนเหมือนคลื่นไหลหลั่ง
ครั้งได้ดังหวัง     ก็กลับคล้ายคลื่นกระทบฝั่ง
สุดวจีที่จะฟัง     สิ้นรักประทังไม่ยั่งยืน

ค่าน้ำนม

      แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง  ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล
แม่ ...เราเฝ้าโอ้ละเห่  กล่อมลูกน้อยนอนเปลไม่ห่างหันเห ไปจนไกล
      แต่เล็กจนโตโอ้แม่ถนอม แม่ผ่ายผอมย่อมเกิดจากรักลูกปักดวงใจ
เติบโตโอ้เล็กจนใหญ่ นี่แหละหนาอะไร มิใช่ใดหนาเพราะค่าน้ำนม
      ควร คิดพินิจให้ดี  ค่าน้ำนมแม่นี้ จะมีอะไรเหมาะสม
โอ้ว่าแม่จ๋า ลูกคิดถึงค่าน้ำนม เลือดในอกผสม กลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน
      ...ค่าน้ำนมควรชวนให้ลูกฝัง           แต่เมื่อหลังเปรียบดังผืนฟ้าหนักกว่าแผ่นดิน
บวช เรียนพากเพียรจนสิ้น  หยดหนึ่งน้ำนมกิน ทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย
      ควร คิดพินิจให้ดี  ค่าน้ำนมแม่นี้ จะมีอะไรเหมาะสม
โอ้ว่าแม่จ๋า ลูกคิดถึงค่าน้ำนม เลือดในอกผสมกลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน
      ...ค่าน้ำนมควรชวนให้ลูกฝัง  แต่เมื่อหลังเปรียบดังผืนฟ้าหนักกว่าแผ่นดิน
บวช เรียนพากเพียรจนสิ้น หยดหนึ่งน้ำนมกินทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย

คีรีบูน

      ...โบกบินไปแล้วหรือ คีรีบูน  อาดูรสิ้นสูญเสียดายใจปอง
โอ้คีรีบูนเสียงทอง เจ้าลืมหอห้อง กรงทองสิ้นแล้วหรือนี่
      เจ้าทรนงหลงเริงลมบน  ดิ้นรนอำลาหาทางเสรี 
ปีกเจ้ายังอ่อน เพียงนี้ เพียงพอหรือที่ หลบหนี พี่ไป
      โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล เจ้าอาจแหลกราญเมื่อมีภัย
เสียงหวานหวานขนสวยสวยช่วยอะไรไม่ได้          จะไม่ปลอดภัยเสมือนในกรง
      โบกบินไปแล้วหนอ คีรีบูน อาดูรอาลัยหัวใจพะวง
โอ้คีรีบูนเจ้าหลง  เพราะทรนง แล้วคงรู้ตัว
      โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล เจ้าอาจแหลกราญเมื่อมีภัย
เสียงหวานหวานขนสวยสวยช่วยอะไรไม่ได้  จะไม่ปลอดภัยเสมือนในกรง
      โบกบินไปแล้วหนอคีรีบูน อาดูรอาลัยหัวใจพะวง
โอ้คีรีบูนเจ้าหลง เพราะทรนง  แล้วคงรู้ตัว

ใครหนอ

      ...ใคร หนอ รักเราเท่าชีวี ใคร หนอ ปราณี ไม่มีเสื่อมคลาย
ใคร หนอ รักเราใช่เพียงรูปกาย รักเขาไม่หน่าย มิคิดทำลาย ใคร หนา 
      ใคร หนอ เห็นเรา เศร้าทรวงใน ใคร หนอ เอาใจปลอบเราเรื่อยมา
ใคร หนอ รักเราดังดวงแก้วตา รักเขากว้างกว่า พื้นพสุธา นภากาศ
      จะเอาโลก มาทำปากกา แล้วเอานภา มาแทน กระดาษ
เอาน้ำหมด มหาสมุทรแทนหมึกวาด  ประกาศ พระคุณไม่พอ
      ใคร หนอ รักเรา เท่าชีวัน (เท่าชีวัน)           ใคร หนอ ใครกันให้เราขี่คอ(คุณพ่อ คุณแม่) 
ใคร หนอ ชักชวนดูหนังสี่จอ รู้แล้วละก็ อย่ามัวรั้งรอ ทดแทนบุญคุณ 
      ใคร หนอ รักเรา เท่าชีวัน (เท่าชีวัน)  ใคร หนอ ใครกันให้เราขี่คอ(คุณพ่อ คุณแม่) 
ใครหนอชักชวนดูหนังสี่จอ รู้แล้วละก็ อย่ามัวรั้งรอ ทดแทนบุญคุณ...

จังหวะชีวิต
คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล     ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

         ชีพคือชีวิต      ชีวิตก็คืองานเรานี่     กิจการจะดี     อาศัยจังหวะดีช่วยกัน
ชีวิตระวังเหมือนดังจังหวะเพลง     บรรเลงได้ส่วนสวรรค์      รู้จักสัมพันธ์มั่นคง
         แต่คนผิดหวัง     เพราะความไม่ระวังทีท่า     ผิดแบบลีลา     ชีวิตก็ถลาคว่ำลง
ถ้ารู้ลีลารักษาจังหวะไว้     จะไปตลอดตรง     งานคงเสริมและส่งผลไกล
         ชีวิตผิดพลั้งยั้งไม่ทันจึงคว่ำ     ความเจ็บซ้ำทรวงใจ
ถูกเขาประนามหยามให้     ชีวิตพลาดไปทั้งเจ็บทั้งอายกัน
         นี่แหละชีวิต     มักมีจังหวะผิดลงได้     สุดแต่ว่าใคร     จะวางจังหวะไว้คงมั่น
ชีวิตระวังจังหวะสำคัญ     ชีวิตและเพลงเขาเปรียบเหมือนกัน     ถ้าใครเดินตามแนวนั้นเป็นสุขเอย

| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |