| | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
ฝ่ายทัพลังกาล่าทัพกลับมากรุงลังกาได้ทรัพย์สินมาด้วยเป็นจำนวนมาก เมื่อมาถึงเมืองใหม่ก็ไปเฝ้าเจ้าสิงหล ทูลความให้ทราบแล้วถวายเพชรเตร็จตรัสให้เห็น พระมังคลากลัวความจะทราบไปถึงพระชนนี จึงให้มนตรีลอบเอาฝังไว้ที่ลังกา แล้วห้ามมิให้ใครพูดถึงโคตรเพชร ส่วนพวกชาวเมืองการะเวกที่ได้มาเจ็ดพันคนนั้นให้
| ใช้สีข้าวเช้าค่ำต้องตรำตราก | ตำดินตากตักน้ำทำถนน |
| เวลารุ่งหุงข้าวเลี้ยงชาวพล | ใช้แบกขนขุดลากเหนื่อยยากครัน ฯ |
| ซึ่งดินไหวตามตำราไม่ผาสุข | จะเกิดยุคยุทธนาโกลาหล |
| ข้าจับยามตามตำราจลาจล | ตั้งแต่ต้นปีเถาะเป็นเคราะห์ครัน ฯ |
| ค นางวัณฬาว่าตำรับบังคับขาด | ประชาราษฎร์หรือมันจะละวิสัย |
| ต้องถือศีลกินบวชนั้นรวดไป | เห็นไม่ได้ดังตำราทั้งธานี |
| อันลูกเราเยาว์อยู่ไม่รู้ทุกข์ | จะอาจอุกทำเข็ญเป็นไฉน |
| จะร้ายดีมิได้รู้ด้วยอยู่ไกล | หรือจะให้หามาเสียธานี ฯ |
| ให้อยู่วังดังสตรีแม้มีศึก | ที่ตื้นลึกไม่สันทัดจะขัดสน |
| เสด็จไปได้สังเกตเหตุตำบล | ที่ขุมพลกลศึกได้ฝึกปรือ |
| จะหนีทุกข์ยุคเข็ญเหมือนเช่นว่า | อยู่ใต้ฟ้าหนีฝนจะพ้นหรือ |
| แม้เมืองใดใช้คนดีมีฝีมือ | จะเลื่องชื่อลือเลิศประเสริฐชาย |
| ประเพณีที่อุดมบรมจักร | บำรุงรักษ์ราชัยมไหศวรรย์ |
| เสวยสุขทุกเวลาทิวาวัน | เพราะทรงธรรม์ทศพิธวิสดาร |
| ประการหนึ่งซึ่งรักษาเมตตาตั้ง | ให้สัตว์ทั้งปวงเป็นสุขทุกสถาน |
| ใครยากเย็นเข็ญใจจงให้ทาน | อภิบาลบำรุงทั้งกรุงไกร |
| หนึ่งอย่าคิดริษยาพยาบาท | อย่ามุ่งมาดหมายถวิลรูปกลิ่นเสียง |
| คนสอพลอทรลักษณ์อย่ารักเลี้ยง | ให้แท้เที่ยงทรงธรรมจึงจำเริญ |
| แม้แก้วเก็จเพชรเขาชาวสิงหล | เสาวคนธ์ลอบลักผิดหนักหนา |
| พระทราบเหตุเภทเผาแต่ต้นมา | โปรดบัญชาชี้แถลงให้แจ้งใจ ฯ |
| ค พอจบสารสุมาลีดีอุระ | น้อยหรือชะเคลือบแคลงแถลงไข |
| แม่นงเยาว์เสาวคนธ์ขอเพชรไป | เราก็ได้รู้เห็นเป็นพยาน |
| แม่จะให้ไปเชิญเสด็จกลับ | ทั้งกองทัพพระเจ้าอามาบรรจบ |
| ทั้งลูกยามาด้วยช่วยสมทบ | เข้ารุมรบไพรีให้มีชัย ฯ |
| ค พระนบนอบตอบว่าพวกฝรั่ง | แต่ลูกยังเยาว์อยู่ยังสู้ได้ |
| ถึงมันมากหยากเยื่อถูกเชื้อไฟ | จะผลาญให้สิ้นทั้งเกาะลังกา ฯ |
| พระแม่จะทำคำสารส่งไปด้วย | เราจึงช่วยชี้แจงแถลงไข |
| แล้วแต่งสารอ่านสอบขอบพระทัย | ใส่กล่องให้ผู้ถือหนังสือมา ฯ |
| เสร็จธุระจะมาไม่ช้านัก | ไม่ลืมรักพักตร์น้องอย่าหมองศรี |
| มิเหมือนหมายสายสวาทแล้วชาตินี้ | พี่ไม่มีเมียแล้วนะแก้วตา |
| รีบใช้ใบไปตามคลื่นทุกคืนค่ำ | เห็นแต่น้ำในทะเลกับเวหา |
| ไม่คลาดเคลื่อนเดือนครึ่งตะบึงมา | ถึงกรุงการะเวกเข้าอ่าวบุรี |
| มันโกหกยกโทษเพราะโกรธแค้น | เหมือนตัดแผ่นดินขาดนอกศาสนา |
| ซึ่งแก้วเก็จเพชรนั้นนางวัณฬา | ให้ธิดาก็ได้รู้อยู่ด้วยกัน |
| พระรับเคราะห์เพราะเรื่องเมืองผลึก | จึงเกิดศึกพาเหตุถึงเขตขัณฑ์ |
| ฝ่ายยุดาวายุพัฒน์หัสกัน | ล้วนพงศ์พันธ์ภัสดาชะล่าลาม |
| เป็นธุระผู้บำรุงกรุงผลึก | จะปราบศึกเสียให้เตียนที่เสี้ยนหนาม |
| ไม่ควรเคืองเมืองพระองค์ต้องสงคราม | จึงต้องตามยุติธรรม์พันธมิตร |
| อันเมืองผลึกกับพาราการะเวก | จะร่วมเอกฉัตรชัยไอศวรรย์ |
| จนสุดสิ้นดินฟ้าทั้งสามัญ | โดยทรงธรรม์ทศพิธสนิทใน ฯ |
| นี่ลูกเต้าเขาผิดคิดถึงพ่อ | จึงรั้งรอบอกกล่าวไม่ร้าวฉาน |
| คำโบราณท่านว่าช้าเป็นการ | ถึงจะนานก็เป็นคุณอย่าวุ่นวาย |
| วิสัยศึกตรึกตรองจึงต้องที่ | ยกไปตีก็ให้ได้ดังใจหมาย |
| แม้ย่อยยับถอยกลับก็อับอาย | ยิ่งซ้ำร้ายขายหน้าประชาชน |
| ถวายองค์นงเยาว์เจ้าสิงหล | ไม่ให้คนอื่นอ่านเรื่องสารศรี |
| อย่าทานทัดขัดขวางทางไมตรี | จะเสียทีอย่างเยี่ยงพระเวียงชัย ฯ |
| แม่ก็รู้อยู่ว่ากรุงการะเวก | ร่วมภิเษกสืบเนื้อเป็นเชื้อไข |
| ขืนคิดทำย่ำยีดังนี้ไซร้ | เขาว่าไว้หยิกเล็บแล้วเจ็บเนื้อ |
| จะตัดญาติขาดมิตรไม่คิดบ้าง | เหมือนลบล้างเหล่ากอไม่หลอเหลือ |
| อนึ่งหน่อวรนาถเป็นชาติเชื้อ | ไม่ไว้เยื่อใยติดผิดโบราณ |
| พี่กับเจ้าเล่าก็จิตสนิทนัก | จึงลอบลักเล่าแจ้งแถลงไข |
| ถึงลูกเต้าเบาความส่วนทรามวัย | เป็นผู้ใหญ่อย่าให้มีราคีเคือง ฯ |
| ค ฝ่ายวายุพัฒน์จัดพลเป็นกลศึก | เอาเรือผลึกล่วงไปก่อนซ่อนทหาร |
| ทั้งสามลำนำตำบลชลธาร | ไปประมาณครึ่งวันตามสัญญา |
| ขึ้นฝั่งลำละพันแยกกันออก | เข้าทางตรอกบ้านช่องท้องสนาม |
| เที่ยวจุดไฟไหม้โขมงพลุ่งโพลงพลาม | แสงเพลิงลามลุกรอบขอบบุรี |
| ค ฝ่ายองค์พระมเหสีถือตัวสู้ | ขวางประตูห้ามฝรั่งสิ้นทั้งหลาย |
| จะเข้ามาว่ากระไรใครเป็นนาย | อย่าวุ่นวายบอกเราให้เข้าใจ |
| เหตุไฉนไม่คิดถึงปิตุราช | มาองอาจรบพุ่งถึงกรุงศรี |
| ตัวเราหรือชื่อสุวรรณมาลี | นี่บุตรีสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา |
| ถ้าแม้หน่อวรนาถรักชาติเชื้อ | จะก่อเกื้อเชื้อวงศ์เผ่าพงศา |
| จงเลิกทัพกลับหลังไปลังกา | จะเห็นว่าสุจริตต่อบิดร ฯ |
| ค นางรู้ท่าเข้าใจแต่ไม่ตรัส | ถ้าขืนขัดจะไม่กลับทัพทหาร |
| ไปตามเคราะห์เพราะไม่พ้นพวกคนพาล | จึงกราบกรานชนนีชลีลา |
| แล้วกลืนกลั้นกันแสนเทวษ | พระชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา |
| ชวนลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา | ลีลามานอกเขตนิเวศน์วัง |
| ค วายุพัฒน์หัสกันก็ลั่นฆ้อง | เรียกพวกพ้องพลนิกายทั้งซ้ายขวา |
| โยธาทัพจับเหล่าชาวพารา | ทั้งเสนานายไพร่ไล่ลงเรือ |
| ค ฝ่ายโยธาข้าเฝ้าชาวผลึก | เมื่อเกิดศึกซ่อนหนีตามวิสัย |
| ครั้นทัพกลับลับลี้ต่างดีใจ | ทั้งนายไพร่กลับมาเข้าธานี |
| ค พวกเสนาสารภาพกราบพระบาท | ขอรับราชอาญาถึงอาสัญ |
| ด้วยศัตรูจู่มาไล่ฆ่าฟัน | ใครไม่ทันรู้ทั่วทุกตัวคน |
| ครั้นเพลิงไหม้ไพร่นายพรัดพรายหมู่ | ข้ารบสู้ไม่ถนัดจึงขัดสน |
| ซึ่งเสียพระมเหสีนีฤมล | ความผิดล้นพ้นที่จะพรรณนา |
| ถ้าใส่บทกฎหมายตายทั้งโคตร | แม้ยกโทษข้าทั้งหลายหมายอาสา |
| ไปรบรับจับฝรั่งเกาะลังกา | พิฆาตฆ่าโคตรมันให้บรรลัย ฯ |
| ให้ส่งไปไว้ที่ด่านดงตาลตั้ง | ทหารพรั่งพร้อมพรักอยู่รักษา |
| เกณฑ์ชายใช้ไขน้ำตั้งทำนา | หญิงเย็บผ้าเสื้อหมวกแจกพวกพล ฯ |
| กองละร้อยคอยตามกันสามทัพ | ปืนสำหรับรบทั้งโล่ดั้งเขน |
| รับใช้ขับไปพอปะกองตระเวน | หัสเกนสั่งให้ไพร่ใส่แว่นตา |
| พอกองทัพขับพลขึ้นบนฝั่ง | เข้าในวังโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว |
| พวกข้าเฝ้าเจ้าพระยาเสนาใน | ไม่มีใครรบสู้ทั้งบูรี |
| แล้วเชิญองค์ทรงศักดิ์กับอัคราช | ประยูรญาติวงศ์ท้าวสาวสนม |
| ลงกำปั่นลั่นฆ้องกลองระดม | ชาวเมืองรมจักรตื่นเสียงครื้นครึก |
| ล่องออกจากปากน้ำพบกำปั่น | คอยหนุนทัพรับกันต่างหรรษา |
| กราบทูลพระวลายุดานุชา | ดังได้ท้าวเจ้าพาราฝูงนารี ฯ |
| ค ฝ่ายบุตรพราหมณ์สามนายเป็นชายฉลาด | ล้วนทรงศาสตร์ไสยเวทวิเศษขยัน |
| ที่ลูกยาสานนอุบลนั้น | ชื่อยุขันความคิดเหมือนบิดร |
| คนหนึ่งนามพราหมณ์มะหุดบุตรวิเชียร | พ่อให้เรียนรบสู้ธนูศร |
| บุตรเจ้าโมราพราหมณ์นามมังกร | เหมือนบิดรชำนาญในทางกล |
| เมื่อศรีสุวรรณนั้นจะไปมิได้สั่ง | พี่เลี้ยงทั้งสามประเทศเกรงเหตุผล |
| ต่างเกณฑ์ไพร่ให้เจ้าพราหมณ์บุตรสามคน | คุมพวกพลคนละพันป้องกันเมือง ฯ |
| ค ทั้งศรีสุดานารีมีโอรส | กับทรงยศศรีสุวรรณผิวพรรณเหลือง |
| ชื่อองค์พระกฤษณาเดชาเรือง | อยู่นอกเมืองมีวังลำพังเธอ |
| ค พระกฤษณาว่าพึ่งกลับดอก | ยังไม่ออกลึกซึ้งไปถึงไหน |
| เร็วเถิดเราเจ้าพราหมณ์รีบตามไป | เห็นพร้อมใจจัดแจงแต่งนาวา |
| พอออกจากปากอ่าวเห็นชาวด่าน | เกณฑ์ทหารให้รีบนำสายน้ำไหล |
| เป็นนาวาห้าสิบสามตามหน่อไท | รับใช้ไปตามคลื่นทุกคืนวัน ฯ |
| แขกชวาพาหนีเราตีได้ | ด้วยนับในญาติเชื้อช่วยเกื้อหนุน |
| จะพาไปไว้พาราด้วยการุญ | ยังมาวุ่นวายว่าจะราวี |
| อันเราหรือชื่อวลายุดานาถ | โอรสราชรมจักรทรงศักดิ์ศรี |
| ตัวมาตามนามใดไพร่ผู้ดี | เมื่อแขกตีเมืองทำไมจึงไม่ชิง |
| ค ฝ่ายองค์พระกฤษณาฟังฝรั่ง | รู้ความหลังตอบความตามประสงค์ |
| ตัวเราหรือคือโอรสยศยง | ชื่อว่าองค์กฤษณาอยู่ธานี |
| อันน้องข้าเจ้าวลายุดานั้น | เกิดกับครรภ์มารดารำภาสะหรี |
| แม้จริงจังดังว่าเหมือนพาที | เราเป็นพี่มิใช่ใครหาไหนมา |
| พี่กลับไปไอศวรรย์ฟังฉันว่า | แขกชวามันจะยกเข้าวกหลัง |
| เหมือนคราวนี้พี่ประมาทจึงพลาดพลั้ง | อย่ารอรั้งกลับกองทัพไป ฯ |
| แม้น้องรักต้องเคารพนอบนบพี่ | นี่ท่วงทีถือชาตินอกศาสนา |
| แม้มิส่งองค์พระอัยกา | มันเป็นข้าศึกแน่มาแกมือ |
| ถึงรบพุ่งกรุงไกรอ้ายฝรั่ง | แกล้งทำดังแขกเหรื่ออย่าเชื่อถือ |
| ข้าจะอ่านอาคมให้ลมฮือ | พัดกระพือทวนทัพให้กลับไป |
| จงรอรั้งยั้งหยุดพระนุชน้อง | คืนส่งของทรงเดชให้เชษฐา |
| แม้ขืนขัดตัดขาดญาติกา | ก็เป็นข้าศึกจะได้ผิดใจกัน ฯ |
| จะคิดข้อก่อกวนชวนวิวาท | เราก็ชาติชายใช่วิสัยหญิง |
| มิฟังห้ามลามล่วงจะช่วงชิง | ก็เห็นจริงที่จะขาดญาติวงศ์วาน ฯ |
| เปิดมหาวาโยเตโชธาตุ | นภากาศวิปริตเห็นผิดผัน |
| โพยมพยับเป็นพายุขึ้นปัจจุบัน | ทวนกำปั่นพวกฝรั่งถอยหลังมา ฯ |
| พอพลบค่ำกำลังลมยังพัด | แตกกระจัดกระจายกันเสียงหวั่นไหว |
| สักสองยามพราหมณ์ยุขันกลับพลั่นใจ | บันดาลให้ลมหายเคลื่อนคลายลง ฯ |
| ค หน่อนราฝรั่งสิ้นทั้งนั้น | อย่าสำคัญแขกชวาหามิได้ |
| แล้วเล่าความตามจริงเหมือนชิงชัย | เข้าลุยไล่ไฟจุดไม่หยุดยั้ง |
| ค พราหมณ์ฟังว่าข้าเจ้ายังเยาว์นัก | จะหาญหักรบรอนต้องผ่อนผัน |
| นี่ทำด้วยมุทะลุดุเดือดดัน | ไม่เป็นอันจะได้องค์พระทรงยศ |
| ครั้นเสร็จสอนถอนสมอไม่รอรั้ง | รีบเข้ายังนคเรศเขตสถาน |
| เขียนบอกกล่าวข่าวนครที่รอนราญ | ไปทูลสารสองกษัตริย์เมืองรัตนา ฯ |
| ค ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายแล่นพรายพลัด | เที่ยวเลี้ยวลัดเกาะแก่งแสวงหา |
| แต่ลำทรงองค์ท้าวเจ้าพารา | มันรีบพาไปทางกลางทะเล |
| ค ฝ่ายองค์วลายุดานั้น | ทอดกำปั่นรอรับพวกทัพหลัง |
| สัญญาปืนครื้นเครงส่งเสียงดัง | มาพร้อมพรั่งพลเรือที่เหลือไฟ |
| | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |