| | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
กล่าวถึงเมืองลังกาขององค์วัณฬา ครั้นหน่อนาถกับนัดดาเติบใหญ่ขึ้นและมีความกล้าหาญ องค์มังคลามีชันษาสิบห้าปี
| รู้วิสัยไตรเพทประเทศถิ่น | ภูมิแผ่นดินทั้งทวาทศราศี |
| ทั้งพระน้องสองนัดดาปัญญาดี | เกิดร่วมปีเป็นแต่แก่เดือนตรา ฯ |
| เจ้าวลายุดาปรีชาฉลาด | เป็นอุปราชราชวังนรังสรรค์ |
| ฝ่ายซ้ายขวาวายุพัฒน์เจ้าหัสกัน | ได้ฤกษ์วันใดพระคุณกรุณา ฯ |
| ค ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง | ลงเลขดวงลัคน์จันทร์ดูชันษา |
| จึงว่าเดือนสี่ฤกษ์เบิกราชา | ขึ้นสิบห้าค่ำนั้นเป็นวันดี |
| เหมือนย้อนยอกกลอกกลับอัปยศ | ต้องเสียยศด้วยเขาจะครหา |
| ในเดือนสี่นี้จะสั่งตั้งราชา | แล้วกราบลาเข้าในเขตนิเวศน์วัง ฯ |
| เมื่อลูกสาวเจ้าพาราการะเวก | เอาเพชรเอกออกจากหินแผ่นดินไหว |
| จึงเมืองเราเศร้าหมองเสียของไป | เขาเอาไว้เมืองเขาเกิดนวรัตน์ |
| ถ้าแม้หลานผ่านพาราลังกาแล้ว | คิดคืนแก้วโคตรเพชรอันเตร็จตรัส |
| กลับมาไว้ให้อุดมโสมนัส | ให้สมบัติมั่งคั่งในลังกา |
| จะสัตย์ซื่อถือพระเยวาโห | เหมือนกับโมเซสังวาสพระศาสนา |
| อย่าไปคิดกิจการกับมารดา | มันจะว่ากูสอนค่อยผ่อนปรน |
| แม้คนดีมีมากไม่ยากจิต | จึงค่อยคิดปราบปรามตามวิสัย |
| ไปขอเพชรเตร็จตรัสถ้าขัดไว้ | จึงยกไปคืนเอาของเรามา |
| ค ขุนนางพร้อมน้อมคำนับอภิวาท | เขียนประกาศบาดหมายแจกซ้ายขวา |
| ให้เมืองน้อยร้อยเอ็ดเขตลังกา | มาเปลี่ยนตราถือน้ำตามธรรมเนียม |
| ถึงวันฤกษ์เบิกอรุณพุนสวัสดิ์ | อโณทัยไตรตรัสจำรัสศรี |
| พวกเสนาพฤฒามาตยราชกวี | มาพร้อมที่พระโรงรัตน์ชัชวาล ฯ |
| ค ฝ่ายพวกพระเยวาโหปุโรหิต | ยืนแปดทิศถือบวชสวดคาถา |
| แล้วขุนนางต่างจับจอกสุรา | ถวายพระมังคลาเจ้าธานี |
| ต่างชื่นช่วยอวยพรถาวรสวัสดิ์ | ให้สืบวงศ์ทรงสมบัติพัสถาน |
| เลียบกรุงไกรไปจนรอบขอบปราการ | แสนสำราญรัถยาพอสายัณห์ |
| อันไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทั้งหลาย | ทั้งหญิงชายชื่นชมด้วยสมหวัง |
| ทุกถิ่นฐานบ้านช่องฆ้องกลองดัง | พวกฝรั่งเริงรื่นทุกคืนวัน ฯ |
| ฝ่ายองค์พระมังคลาปรีชาฉลาด | บำรุงราษฎร์ราชัยมไหสวรรย์ |
| จะทำศึกตรึกตรองคิดป้องกัน | ที่ขอบขัณฑ์เขตแคว้นแดนลังกา |
| จะก่อป้อมซ่อมแปลงกำแพงใหม่ | ให้สูงใหญ่ไว้เหมือนเป็นเขื่อนขัณฑ์ |
| ให้พระน้องครองด่านชั้นในกัน | ดงตาลนั้นนัดดาวายุพัฒน์ |
| อนึ่งเล่าเราจะทำคำหนังสือ | ให้คนถือไปทุกเขตประเทศสถาน |
| เกลี้ยกล่อมผู้ตำราวิชาการ | ที่เชี่ยวชาญช่วยบำรุงกรุงลังกา |
| ค พระทรงฟังสั่งให้ทำคำประกาศ | พวกนักปราชญ์เปรียบเหมือนเพชรทั้งเจ็ดสี |
| ไม่มีทองรองรับเป็นเรือนมณี | รัศมีไม่สว่างกระจ่างตา |
| เหมือนคนนดีมีครูซึ่งรู้รอบ | ไม่ทำชอบช่วยกษัตริย์ขัดยศถา |
| ต้องตกอับลับชื่อที่ลือชา | ดังจินดาไร้เรือนก็เหมือนกัน |
| อันตัวเราเจ้าลังกาอาณาจักร | บำรุงรักษ์นัดเรศของเขตขัณฑ์ |
| จะเลี้ยงผู้รู้วิชาสารพัน | ให้ควรกันกับความชอบประกอบการ |
| ประการหนึ่งซึ่งผู้รู้ตำรับ | เป็นแม่ทัพทำศึกฝึกทหาร |
| รู้กลแก้แพ้ชนะรู้ประมาณ | รู้รอนราญราวีให้มีชัย |
| หนึ่งเรียนกลอุบายให้ตายจิต | ปัจจามิตรลุ่มหลงไม่สงสัย |
| รู้แอบอ้อมปล่อยพลสกลไกร | เข้าเป็นไส้ศึกสังหารผลาญไพรี |
| หนึ่งเรียนรู้ดูดาวสำแดงเหตุ | รู้มนต์เวทปลุกเสกเมฆฉาย |
| รู้ดูดินถิ่นที่จะดีร้าย | รู้อุบายเกลี้ยกล่อมให้พร้อมใจ |
| รู้สืบข่าวราวเรื่องบ้านเมืองอื่น | หนึ่งคนตื่นเซ็งแซ่รู้แก้ไข |
| หนึ่งรู้ดำน้ำทนรู้ห้ามฝนไฟ | ทำกลไกอาวุธยุทธนา |
| รู้จัดการบ้านเมืองเครื่องประดับ | รู้ตำรับดีร้ายทำนายฝัน |
| รู้สังเกตเท็จจริงทุกสิ่งอัน | รู้แก้กันผีสางขับรางควาน |
| หนึ่งผู้รู้อักษรกาพย์กลอนกล่าว | เรียบเรียงราวเรื่องความตามวิสัย |
| รู้กฎหมายฝ่ายขุนนางฝ่ายข้างใน | รู้พิชัยสงครามตามกระทรวง |
| รู้ตั้งค่ายหลายชั้นป้องกันศึก | รู้ตื้นลึกแลคะเนทะเลหลวง |
| รู้แปลความตามภาษาทั้งปวง | รู้ล่อลวงราวีให้มีชัย |
| หนึ่งชำนาญปืนใหญ่ยิงไวแน่ | แก้อาถรรพ์ผันแปรแก้คุณไสย |
| รู้เล็ดลอดสอดแนมสืบความใน | ทำนาได้ผลดีรู้ที่ทำ |
| อันวิชาห้าสิบประการนี้ | ผู้ใดมีเราจะชุบอุปถัมภ์ |
| แต่อย่างเดียวเจียวถ้าแม้นรู้แม่นยำ | ดังดัดคำเขียนหมึกบันทึกไว้ |
| แล้วเกณฑ์ไพร่ให้พระน้องกับสองหลาน | ไปสร้างด่านสามตำบลคนละแสน |
| ต่อกำปั่นพันลำประจำแดน | สำหรับแล่นลาดตระเวณที่เกณฑ์การ ฯ |
| ให้ก่อป้อมคร่อมทางปิดหว่างเขา | จำเพาะเข้าออกเดินเนินโศล |
| ปีกกานั้นชั้นบนล้วนกลไก | ที่ล่อไล่ล้วนสังหารผลาญไพรี |
| ค ฝ่ายวายุพัฒน์นัดดาปรีชาหาญ | อยู่ดงตาลด่านกลางหว่างสิงขร |
| ป้อมกำแพงแต่งการไว้ราญรอน | เป็นมังกรกินปลาตำราเรียน |
| ค เจ้าหัสกันนั้นตั้งอยู่เมืองใหม่ | ก่อป้อมใหญ่แปดป้อมล้อมเขื่อนขัณฑ์ |
| กำแพงหินศิลาปีกกากัน | ชื่อกลจั่นจับพยัคฆ์ดักกุญชร |
| ได้ลัทธิบาลีปีโปฝึก | รู้กลศึกสารพัดหัดทหาร |
| แต่งเรือใช้ไปไม่ขาดสืบราชการ | ตระเวณด่านฟังเหตุทุกเขตคัน ฯ |
| ค ฝ่ายข้าเฝ้าเจ้าลังกาปลอมพาณิช | ไปทุกทิศจนถึงยักษ์มักกะสัน |
| เที่ยวหาผู้รู้วิชาสารพัน | เมืองสุตันเมืองชลามะคาวิล |
| เมืองฉ่ามะหรุ่มอุ่นไม่โสมโข | ไอคุปโตโกสัมพีระดีระถิ่น |
| กะนาอันบันดระเมืองกะริน | เมืองกบิลพัสดุ์เมืองมัดชนะ |
| เมืองมะหุด กุสสตรา วิลาศละหม่าน | กริบสว่านเมืองสังกัสหัสสละ |
| เมืองโกบิลสินธุ์ทะเลเมืองเอละ | เมืองสุเหร่า มะเกามะกะ เมืองละวน |
| ได้จีนจามพราหมณ์ฝรั่งแขกอังกฤษ | ล้วนหาญจิตเจนศึกได้ฝีกฝน |
| ทั้งผู้รู้วิเศษทางเวทมนต์ | รู้ทำกลต่างต่างช่างชำนาญ |
| ค นางเห็นตราราหูคู่ทวีป | ดังประทีปเทียนสว่างกระจ่างฉาย |
| คุกเคารพนบนอบนั่งยอบกาย | ยอมถวายกายาเป็นข้าไท |
| เลี้ยงเป็นนางข้างที่ด้วยมีฤทธิ์ | อยู่ใกล้ชิดเชิญพระแสงตำแหน่งขวา |
| เครื่องนากทองของสำหรับประดับประดา | ทั้งเสื้อผ้าสารพัดจัดประทาน |
| แล้วตั้งนามตามมาเมื่อฟ้าฟาด | ให้ชื่อ นางสุนีบาตด้วยอาจหาญ |
| แล้วยกทัพนับหมื่นดื่นดงดาล | มาถึงด่านแดนเขาเจ้าประจัญ ฯ |
ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
พระมังคลาปรึกษาการสงครามกับสองพระน้อง และสองนัดดาว่า เมืองการะเวกไม่ใช่วงศ์ญาติได้มาหมิ่นประมาท
เมืองลังกาเอาโคตรเพชรของเมืองลังกาไป คิดจะไปตีเอาคืน พวกอำมาตย์ราชเสนากับบรรดาขุนนาง
จะมีความเห็นอย่างไร
ฝ่ายผู้เฒ่าได้ฟังรับสั่งจึงทูลทัดทานว่า เมืองการะเวกเป็นเมืองใหญ่มีไพร่พลมาก
มีราชครูชื่อ โลกเชษฐเป็นผู้วิเศษ มีเวทมนตร์ดลคาถา ทหารเสือก็ล้วนแกล้วกล้าในการรบ
แก้วเก็จเพชรนั้นพระเสาวคนธ์ได้ขอจากพระชนนี และพระชนนีก็ให้ไปด้วยไมตรี จึงไม่ควรหาญหักยกทัพไปรบ
ถ้ารู้เรื่องไปถึงเมืองผลึกกับเมืองรมจักร ก็จะพร้อมกันมาช่วยรุกรบ จะเสียไพร่พลและต้องทนทุกข์ทั้งเกาะลังกา
| เสียไมตรีมิหนำเสียอำนาจ | ต้องขาดญาติขาดวงศ์เผ่าพงศา |
| แม้จะใคร่ได้เพชรแก้วเก็จมา | ควรพูดจาปราศรัยเป็นไมตรี |
| เขาขอเราเราก็ขอต่อเขาบ้าง | ตามเยี่ยงอย่างต่างบำรุงซึ่งกรุงศรี |
| ขอพระองค์ทรงจังหวัดปถพี | อย่าให้มีเสี้ยนศึกจงตรึกการ ฯ |
| ถึงขัดเคืองเมืองผลึกรมจักร | พระไม่รักชาติเชื้อนับเนื้อไข |
| เขากลับเราเล่าก็จะกลัวอะไร | ใครตีได้ดูกันสมันเกอ |
| อันเกิดมาสามัญเป็นอันขาด | ย่อมรักชาติชีวีไม่มีเสมอ |
| พระชุบย้อมหม่อมฉานเป็นหลานเธอ | ขออย่าเพื่อด่วนเสด็จเหน็ดเหนื่อยองค์ |
| อันพวกเราเหล่าฝรั่งเชื่อฟังพระ | ไม่ปนปะเป็นญาตินอกศาสนา |
| เจ้ายกไปให้ทูตเข้าพูดจา | ฟังเจ้าการะเวกก่อนคิดผ่อนปรน |
| อากาศลั่นครั่นครื้นเหมือนปืนก้อง | กาก็ร้องเอาลาท้องฟ้าเหลือง |
| อุกกาบาตผาดพุ่งแสงรุ่งเรือง | ตกกลางเมืองมีลางต่างต่างกัน ฯ |
| ค ฝ่ายพราหมณ์ครูผู้ใหญ่อยู่ในตึก | กับเมียนึกสนุกนั่งอยู่ทั้งสอง |
| เล่นดอกสร้อยปล่อยแก่แก้กันลอง | ท่านยายร้องตารับหน้าทัพตาม |
| ถึงท่อนปลายกลายร้องเป็นอุณรุท | ยายเป็นอุษาเมินขวยเขินขาม |
| ท่านตารำทำบทดูงดงาม | โลมยายพราหมณ์ตามทำนองยิ้มย่องกัน |
| ค ฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์แจ้งเหตุฝัน | ลงเลขวันยามนิมิตสอบดิถี |
| ก็รู้ความตามวิสัยว่าไพรี | จะย่ำยีหยาบช้าให้อาดูร |
| แล้วชำระพระเคราะห์จำเพาะร้าย | จะพลัดพรายโภคัยเสียไอศูรย |
| ราหูเสาร์เข้าถึงที่ระวีมูล | จึงเทียบทูลทำนายว่าร้ายนัก |
| เหมือนพระรามข้ามสมุทรไปหยุดทัพ | ไมยราพจับจำขังแทบสังขาร |
| ต้องสะเดาะเคราะห์ชำระพระชะตา | ตามตำราแก้ไขพอให้คลาย ฯ |
| ค ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหาร | ตั้งเตรียมการรบศึกไม่นึกหนี |
| กรมวังนั่งยามตามอัคคี | ขึ้นหน้าที่ทุกตำแหน่งจัดแจงการ ฯ |
| ย้ายแยกแตกกระบวนบ้างทวนกลับ | ยิงปืนรับเรียกกันขวันโขมง |
| ต้องคลี่คลายสายข้างระยางโยง | ให้ใบโปร่งเปิดสูงพยูงลำ |
| ชาวด่านว่าอย่าเข้าไปยังไม่ชอบ | ผิดระบอบเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง |
| ถึงไมตรีมีมาตราทุกครั้ง | ต้องหยุดยั้งอยู่แต่นอกจะบอกไป |
| ค ฝรั่งว่าถ้าเป็นทูตถือรับสั่ง | ควรยับยั้งตามบทในกฎหมาย |
| นี่องค์ท่านหลานท้าวเป็นเจ้านาย | มาแต่ฝ่ายฟากฝั่งกรุงลังกา |
| กองตระเวนเจนสมุทรจึงพูดแก้ | อย่าว่าแต่สุริยวงศ์พระองค์ไหน |
| ถึงหน่อนาถราชโอรสยศไกร | มาแต่ไกลก็ต้องห้ามตามทำนอง |
| เพราะลูกสาวเจ้าพาราการะเวก | ลักเพชรเอามาไว้ในไอศวรรย์ |
| จะมาทวงดวงจินดาพูดจากัน | พวกมึงนั้นกั้นการปิดทางไว้ |
| ให้รุมเข้าเผาพาราการะเวก | มันโหยกเหยกแย่งริบให้ฉิบหาย |
| แต่สาวสาวเอาไว้ใช้อย่าให้ตาย | พบผู้ชายจงฟันให้บรรลัย ฯ |
| ค ฝ่ายนายทัพรับสั่งแล้วตั้งโห่ | เฮโลโล้กำปั่นเสียงหวั่นไหว |
| ต่างรับเข้าอ่าวเมืองแน่นเนืองไป | ไม่มีใครรับสู้ทั้งบุรี |
| จะหนีออกนอกประตูท่านครูห้าม | รู้ว่ายามเคราะห์ค่อยคิดถอยหลัง |
| จนค่ำไฟไหม้ครื้นเสียงปืนดัง | อุตส่าห์นั่งนิ่งภาวนามนต์ ฯ |
| ค เจ้าาวายุพัฒน์หัสกันเกณฑ์ทหาร | ให้ถือขวานคนละเล่มล้วนเข้มแข็ง |
| ฟันประตูดูประหลาดพลิ้วพลาดแพลง | จนสิ้นแรงรู้ว่าฤทธิ์วิทยา |
| ทั้งลวงหลอกยอกย้อนทำซ่อนเงื่อน | เผาบ้านเรือนร้ายกาจนอกศาสนา |
| หากพระองค์ทรงคิดถึงบิดา | โปรดให้มามึงจึงได้มาใกล้กราย |
| ค เจ้าหัสกันสั่งให้ไพร่ว่าอ้ายโง่ | มึงเหมือนโคคอกขังจะสังขาร์ |
| วิสัยศึกลึกล้ำเป็นธรรมดา | มีปัญญาย่อมจะได้ด้วยง่ายดาย |
| ผู้ใดเซอะเคอะคะจะเป็นเหยื่อ | เปรียบเหมือนเนื้อทั้งปวงติดบ่วงหวาย |
| จงกลับใจไหว้กราบอย่าหยาบคาย | บอกเจ้านายมึงให้รู้ว่ากูนี้ |
| ค พวกขุนนางต่างว่าเหวยฝรั่ง | พระจอมวังวรนาถเหมือนราชหงส์ |
| จะสู้กาหน้าดำที่ต่ำวงศ์ | จะเสียทรงเสียนวลไม่ควรเลย |
| ทลายเขาเนาวรัตน์ด้วยขัดแค้น | เก็บหัวแหวนเกิดใหม่ได้หนักหนา |
| ให้กองทัพจับเหล่าชาวพารา | ลงเรือล่าเลิกทัพถอยกลับไป ฯ |
| เป็นคราวเคราะห์เพราะประมาทจึงพลาดพลั้ง | แทบเสียทั้งนิเวศน์ขอบเขตขัณฑ์ |
| หากท่านครูผู้เฒ่าเหมือนเผ่าพันธุ์ | ช่วยผันแปรแก้กันอันตราย |
| ด้วยพวกพ้องของท่านล้วนหลานลูก | มาดูถูกรบพุ่งเผากรุงศรี |
| ให้ทราบความตามวิสัยเป็นไมตรี | ดูท่วงทีเธอบ้างจะอย่างไร ฯ |
| | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |