| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | พระวินัยปิฎก | พระสุตตันตปิฎก |

4. โสณทัณฑสูตร

            สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในอังคชนบท  เสด็จถึงนครจัมปา  ประทับอยู่ใกล้ขอบสระโบกขรณีคัคครา
            พราหมณ์โสณทัณฑะ  ครองนครจัมปา  ชาวนครจัมปาได้สดับข่าวพระสมณโคดม จึงพากันไปเฝ้า ว่าด้วยคุณของโสณทัณฑพราหมณ์
            โสณทัณฑพราหมณ์เห็นดังนั้น ก็จะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคด้วย  แต่มีพวกพราหมณ์ต่างเมืองพวกหนึ่ง คัดค้านว่าไม่ควรไป จะเสียเกียรติยศ พระสมณโคดมควรมาหา เพราะโสณทัณฑพราหมณ์เป็น อุภโตสุชาติ  ทั้งฝ่ายบิดาและมารดาตลอด 7  ชั่วบรรพบุรุษ เป็นคนมั่งคั่ง เป็นผู้เล่าเรียน มีศีล มีวาจาไพเราะ เป็นคนแก่เฒ่า เป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้พระเจ้าพิมพิสารทรงสักการะ
ว่าด้วยพุทธคุณ
            โสณทัณฑพราหมณ์กล่าวว่า  ตนควรไปเฝ้าพระสมณโคดม  เพราะพระสมณโคดมเป็นอุภโตสุชาติ  ตลอดชั่ว 7 บรรพบุรุษ  ทรงละพระญาติหมู่ใหญ่ออกผนวช มีศีล มีวาจาไพเราะ เป็นอาจารย์และปาจารย์ของคนหมู่มาก  สิ้นกามราคะแล้ว เป็นกรรมวาที  ทรงผนวชจากสกุลสูงคือกษัตริย์  เทวดาทั้งหลายถึงพระองค์เป็นสรณะ  พระเกียรติศัพท์ของพระองค์ขจรไปแล้วว่า  พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ฯลฯ  เป็นผู้จำแนกพระธรรม  พระองค์ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ  บริษัท 4 สักการะเคารพ  เทวดาและมนุษย์เลื่อมใสในพระองค์ยิ่งนัก  ได้รับยกย่องว่า เป็นยอดของเจ้าลัทธิเป็นอันมาก  รุ่งเรืองพระยศด้วยวิชชาและจรณสมบัติอันยอดเยี่ยม พระเจ้าพิมพิสาร  พระเจ้าปเสนทิโกศล พร้อมทั้งโอรส มเหสี ราชบริษัท และอำมาตย์  ทรงมอบชีวิตถึงพระองค์เป็นสรณะ  เป็นผู้อันพราหมณ์โปกขรสาติ สักการะเคารพนับถือบูชา  พระองค์ท่านมีพระคุณหาประมาณมิได้ ฯ
            พราหมณ์โสณทัณฑะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ  ฝ่ายพราหมณ์ และคฤหบดีชาวนครจัมปา  บางพวกก็ถวายอภิวาท   บางพวกก็ปราศรัย บางพวกก็ประนมอัญชลีไปทางพระผู้มีพระภาค  บางพวกก็ประกาศชื่อและโคตร  บางพวกก็นิ่งอยู่
โสณทัณฑพราหมณ์ครุ่นคิดถึงเรื่องที่จะทูลถามพระผู้มีพระภาค  และคิดปราถนาจะให้พระผู้มีพระภาค
ตรัสถามในเรื่องไตรวิชา  ซึ่งตนจะสามารถแก้ให้ถูกพระทัยของพระองค์ได้
            พระผู้มีพระภาคทรงทราบความคิดในใจของพราหมณ์ ฯ จึงได้ตรัสถามว่า บุคคลผู้ประกอบด้วยองค์เท่าไร พวกพราหมณ์จึงบัญญัติว่าเป็นพราหมณ์
พราหมณ์บัญญัติ
            โสณทัณฑพราหมณ์กราบทูลว่า  บุคคลประกอบด้วยองค์ 5 ประการ พวกพราหมณ์จึงบัญญัติว่าเป็นพราหมณ์
                1. เป็นอุภโตสุชาติ  ทั้งฝ่ายมารดา และบิดา ตลอด 7 ชั่วบรรพบุรุษ  ไม่มีใครติเตียนได้ด้วยอ้างถึงชาติ
                2. เป็นผู้เล่าเรียน  ทรงจำมนต์  รู้จบไตรเพท พร้อมทั้งคัมภีร์นิฆัณฑุ คัมภีร์เกตุกะ พร้อมทั้งประเภท อักษรมีคัมภีร์  อิติหาสเป็นที่ 5   เป็นผู้เข้าใจไวยากรณ์ ชำนาญในคัมภีร์โลกายตะ และมหาปุริสลักษณะ
                3. เป็นผู้มีรูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส มีพรรณคล้ายพรหม มีรูปร่างคล้ายพรหม
                4. เป็นผู้ศีลยั่งยืน
                5. เป็นบัณฑิต มีปัญญาเป็นที่ 1 หรือที่ 2  ของพวกปฏิคาหกผู้รับบูชาด้วยกัน
            พระผู้มีพระภาคตรัสว่า บรรดาองค์ 5 นี้ ถ้าตัดออก 1 องค์คือ องค์ที่ 1   2  องค์คือ  องค์ที่ 1 และที่ 2
3 องค์คือ  องค์ที่ 1 ถึงองค์ที่ 3  พราหมณ์โสณทัณฑะก็ยังยอมรับว่า ผู้นั้นยังคงเป็นพราหมณ์อยู่  แต่จะขาดองค์ที่ 4  และองค์ที่ 5 ไม่ได้
ว่าด้วยคุณของมานพอังคกะ
            มาณพอังคกะเป็นหลานของพราหมณ์โสณทัณฑะ  โสณทัณฑพราหมณ์ได้กล่าวถึงคุณสมบัติ ของอังคกมาณพว่า  มีคุณสมบัติตามองค์ที่ 1, 2 และ 3   ถึงอังคกมาณพจะฆ่าสัตว์บ้าง  ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ให้บ้าง คบหาภริยาของบุคคลอื่นบ้าง  กล่าวเท็จบ้าง ดื่มน้ำเมาบ้าง  ในฐานะเช่นนี้ วรรณ มนต์ ชาติ  จักทำอะไรได้  ด้วยเหตุว่า ผู้เป็นพราหมณ์เป็นผู้มีศีลยั่งยืน และเป็นบัณฑิตมีปัญญา เป็นที่ 1 หรือที่ 2  ของปฎิคาหก ผู้รับบูชาด้วยกัน บุคคลประกอบด้วยองค์ 2 เหล่านี้  พวกพราหมณ์จะบัญญัติ ว่าเป็นพราหมณ์ก็ได้
            พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ในองค์ 2 นี้  ยกเสียองค์หนึ่งแล้ว  บุคคลประกอบด้วยองค์เพียง 1  อาจจะบัญญัติให้เป็นพราหมณ์ได้หรือไม่  พราหมณ์โสณทัณฑะทูลว่า ข้อนี้ไม่ได้  เพราะว่าปัญญาอันศีลชำระให้บริสุทธิ์  และศีลอันปัญญาชำระให้บริสุทธิ์  ศีลมีในบุคคลใด
ปัญญาก็มีในบุคคลนั้น  ปัญญามีในบุคคลใด  ศีลก็มีในบุคคลนั้น นักปราชญ์ย่อมกล่าวศีลกับปัญญา ว่าเป็นยอดในโลก  พระผู้มีพระภาคตรัสรับรองว่า ข้อนี้เป็นอย่างนั้น แล้วตรัสถามว่า  ศีล  กับปัญญานั้นเป็นอย่างไร โสณทัณฑพราหมณ์ทูลตอบว่า ตนมีความรู้เพียงเท่านี้เอง ขอให้พระองค์ให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ด้วย
            พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสพุทธพจน์แก่พราหมณ์โสณทัณฑะว่า
            พระคถาคตเสด็จอุบัติในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ฯลฯ เป็นผู้จำแนกพระธรรม พระคถาคตพระองค์นั้น ฯลฯ  ทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น  งามในท่ามกลาง  งามในที่สุด ฯลฯ ผู้ที่ได้ฟังธรรมนั้น  ได้ศรัทธาในพระคถาคต ฯลฯ  ออกบวชเป็นบรรพชิต  สำรวมระวังในพระปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร ฯลฯ  ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ  เป็นผู้สันโดษ ฯ
จุลศีล  มัชฌิมศีล มหาศีล   (รายละเอียดเช่นเดียวกับในพรมชาลสูตร ในหัวข้อเดียวกัน)
วิชชา 8 - วิปัสสนาญาณ    (รายละเอียดเช่นเดียวกับในสามัญญผลสูตร ในหัวข้อเดียวกัน)
โสณทัณฑพราหมณ์
            เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว โสทัณฑพราหมณ์ได้กราบทูลว่า
            ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก............ข้าพระองค์ขอถึงพระองค์ทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง และจงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

จบ โสณทัณณฑสูตร ที่ 4



| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | พระวินัยปิฎก | | พระสุตตันตปิฎก | บน |