| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
วัดในภูเก็ตนั้นมีมากมายหลายสิบวัดและแต่ละวัด ก็ยังมีประวัติที่ควรแก่การสนใจ
น่าเขียนซึ่งผมเขียนเน้นไปแล้ว ๑ วัด คือวัดพระนางสร้าง ทีนี้หากเขียนเน้นอีกทีละวัดที่มีความสำคัญ
หรือน่าเที่ยว และแถมด้วยหาที่กินก็คงจะต้องหลายตอน เลยไม่ต้องเขียนถึงเมืองอื่นกัน
ผมเดินทางมากเรื่องที่จะเขียนก็มากตามไปด้วย อยากให้ท่านผู้อ่านได้รู้และเพื่อได้ไปเห็นต่อไป
เขียนเรื่องนี้จบแล้วก็เดินทางไปประเทศกัมพูชาหรือเขมร ไปในฐานะคณะที่ปรึกษา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งในคณะมี ๔ คน แต่เป็นนายพลเพียง ๓ คน และไปตามคำเชิญของ
แม่ทัพ ๕ ของเขมร ค่าใช้จ่ายช่วยกันเฉลี่ยออก ไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการแม้แต่บาทเดียว
แต่ไปราชการเต็มอัตรา หากให้ไปเที่ยวผมคงไม่ไปเพราะเส้นทางที่จะเดินทาง ๕
ชั่วโมง รถเก๋งอย่าพึงหมายว่างั้นเถอะ ต้องเอารถโฟวีลขับเคลื่อนสี่ล้อไป ส่วนรายละเอียดไปอย่างไร
ผมคงนำกลับมาเล่าให้ฟังได้เพราะไม่ใช่เรื่องลับ เป็นเรื่องที่สองประเทศจะช่วยกันเพื่อให้ชายแดนเป็นปกติสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะ
มากได้ลอง ๙๐ กิโลเมตร รถวิ่ง ๕ ชั่วโมงก็ไม่ใช่ธรรมดา ฝ่ายพลเรือนท่านหนึ่งที่ท่านอยู่ที่
จังหวัดตราด ยังไม่รู้ฤทธิ์เดชของผม ถามหัวหน้าทีมของผมว่า พล.อ.โอภาส ฯ แกจะนั่งเล่นไปไหวไหม
(ยังไม่เคยเห็นตัวผมด้วย) หัวหน้าทีมบอกว่า อย่าว่าแต่นั่งเลย คุณโอภาส ฯ
เขามือขับรถไปทั่วโลก อย่าไปดูหรือนับอายุของเขา ให้ดูหน้าดูตา ดูร่างกายของเขาเสียก่อน
(อายุผมใกล้ร้อยเข้าไปทุกที แต่หากท่านไม่รู้มาก่อน ทายอายุผมไม่ถูกแน่) คราวนี้จะนั่งไปแต่คงไม่สบาย
คงกระโดดกระดอนดีพิลึก จะเอามาเล่าให้ท่านฟังครับ
ภูเก็ต คงจะจบได้ในคราวนี้แล้ว รอผมไปอีกปีโน้น (ปีหน้าไปแต่ไม่เขียน) เพื่อจะได้อะไรแปลกใหม่มาอีก
ภูเก็ตเชียงใหม่ ๒ - ๓ เมืองนี้เขียนกันจนตายก็มีเรื่องให้เขียนไม่รู้จบ
![]() |
วัดฉลอง
เมื่อจะคุยเรื่องวัดในภูเก็ตกัน ต้องไปเริ่มที่วัดฉลองเสียก่อน เพราะเป็นวัดสำคัญ
วัดฉลองอยู่ที่ตำบลฉลอง อำเภอเมือง ฯ (ภูเก็ต มี ๓ อำเภอเท่านั้น คือ อำเภอถลาง อำเภอกระทู้
อำเภอเมือง ) วัดห่างจากตัวเมือง ประมาณ ๘ กิโลเมตร หากมาจากสะพานเทพกษัตรี
จนจะเข้าเมืองมีสามแยก เพื่อแยกขวาไปหาดป่าตอง จะมาทางเส้นนี้เลยก็ได้ แล้วมาเลี้ยวซ้ายทางไปหาดดราไวย์
ตามป้าย ก็จะไปยังวัดฉลอง ที่จะถึงวัดก่อนถึงห้าแยกฉลองได้ วัดอยู่ซ้ายมือเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกที
เดี๋ยวนี้ภายในวัดสร้างกันใหญ่โตมโหฬารไปหมด ท่านที่ไม่เคยทราบประวัติ ก็ต้องไปทราบประวัติหลวงพ่อแช่ม
หลวงพ่อที่ทำให้วัดดังระเบิดมาตราบเท่าทุกวันนี้
หลวงพ่อแช่ม ดังตอนเกิดอั้งยี่ขึ้นในเกาะภูเก็ต เพราะภูเก็ตนั้นเดิมเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ โดยเฉพาะแร่ดีบุก และกรรมกรชาวเหมืองเป็นจีนเป็นส่วนใหญ่ เพราะกรรมกรไทยหาได้ไม่พอ ต้องไปรับชาวจีนจากเมืองจีนมาเป็นกรรมกร เป็นจีนฉกเกี้ยน เดี๋ยวนี้ก็เลยผสมผะเสกลายเป็นไทยไปหมดแล้ว แถมเป็นไทยรวยเสียด้วย ไม่ใช่ไทยจน รวยด้วยความขยันหมั่นเพียร พวกจีนที่รวมตัวกันเป็นอั้งยี่เป็นพวกอั้งยี่บ้านกระทู้ ก่อการจราจลขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๙ ด้วยสาเหตุว่านายเหมืองไม่จ่ายค่าแรง หรืออาจจะจ่ายน้อยไปก็เป็นได้ จึงยกพวกกันเข้าทำลายเหมืองแร่ แล้วเลยไปเข้าปล้นสดมภ์ เผาบ้านเรือนราษฎร ชาวบ้านจึงรวมตัวกันเพื่อต่อสู้ และพากันไปหาหลวงพ่อแช่ม ขอวัตถุมงคลป้องกันตัว หลวงพ่อแช่มเลยเสกผ้าประเจียดให้นักสู้ทั้งหลายเอาไปโพกหัว ทำให้ทัพนักสู้เกิดความฮึกเหิมต่อสู้กับพวกจีนอั้งยีได้และปราบปรามอั้งยี่สำเร็จ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานสมศักดิ์ให้หลวงพ่อแช่ม เป็นพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ หลวงพ่อแช่มจึงเป็นที่เคารพนับถือของชาวภูเก็ต และชาวเมืองอื่น ๆ แม้ท่านจะมรณภาพแล้ว ความเคารพนับถือก็ยังไม่เสื่อมคลาย ซึ่งจะเห็นได้จากสภาพของวัดในปัจจุบัน ที่มีแต่ความเจริญมากขึ้น มีการพัฒนาตลอดเวลาโดยอาศัยบารมีของหลวงพ่อแช่ม ยามหลวงพ่อมีชีวิตอยู่ ชาวภูเก็ตก็มาบนบานศาลกล่าวกันทั้ง ๆ ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เขาเล่าว่ามีสาวอุตริจะบนเรื่องอะไรผมจำไม่ได้แล้ว ว่าหากสำเร็จจะขอปิดทองที่อาวุธลับของหลวงพ่อ เกิดได้รับความสำเร็จจริง ๆ ก็มาขอหลวงพ่อขอแก้บน |
ผมขอสรุปอาหารน่ากินในเมืองภูเก็ตให้คือ (เอาที่แปลก ๆ และเป็นของท้องถิ่นเท่านั้น)
เริ่มด้วยขนมจีน น้ำยา น้ำยาแบบปักษ์ใต้แต่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง คือหวานนิด
ๆ เอาจีนมาปน ผมแนะนำร้านขวัญ หน้าโรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน
อาหารเช้า ผมชอบร้านคู่ขวัญ หากมาจากสะาพานเทพกษัตรี วิ่งตรงเข้าเมืองจนถึงวงเวียน
ต่อจากนั้นตรงต่อไปทางขวามือ ก่อนถึงสี่แยก ร้านคู่ขวัญอยู่ขวามือ สารพัดติ๋มซำ
ปะกุดเต๋ หมี่ขาว อีกร้านคือร้านของบังเสน ลงมาจากสะพานประมาณกิโลเมตร ๓๗
อยู่ขวามือเมื่อจะเข้าเมือง ร้านอิสลาม ขนมอันละ ๒ บาท โรตี แกงเนื้อ ข้าวต้มชามละ
๕ บาท เป็นที่ชุมนุมของชาวไทยมุสลิม มาซื้อขนมกิน บางทีเอาขนมติดมือมาขายด้วย
อาหารเช้าแบบนี้มีหลายร้าน แต่ตอนระยะหลัง ๆ นี่ผมติดร้านคู่ขวัญเสียแล้ว
ไม่งั้นไปแถวถนนเยาวราชก็แยะ
มื้อกลางวันมีหลายร้านเช่นกัน เช่น หมี่สะบำ ร้านนี้จะต้องออกไปจากตัวเมืองภูเก็ต
วิ่งออกจากตัวเมืองไปสัก ๖ กิโลเมตร ก่อนถึงทางแยกซ้ายไปป่าตอง จะถึงตำบลปำ
ร้านหมี่สปำ เจ้าเก่าจริง ๆ นั้น เดิมอยู่ทางฝั่งซ้ายของถนนเวลาออกจากเมือง
ต่อมาย้ายไปปลูกใหม่ที่ฝั่งขวาเยื้อง ๆ กัน ไปคราวนี้ย้ายกลับมาอยู่ฝั่งซ้ายเช่นเดิมแล้ว
แม่เจียม เจ้าเก่า มีเต้าหู้ทอด หอยทอด เป็นหอยนางรมผัด และที่ผมชิมทุกครั้งที่ไปคือ
โอต้าว หรือ โกต้าว แล้วแต่จะออกสำเนียงเรียกกัน โอต้าวคือหอยนางรมผัดกับเผือกนึ่ง
ราดด้วยน้ำจิ้มเป็นเครื่องปรุงสำคัญ อยากจะเรียกว่าสูตรประจำตระกูลของแต่ละร้าน
ใส่กากหมูมีถั่วงอกสดให้มาด้วย วางเคียงไว้ข้างจาน
หมี่สปำ คือยอดฮิตของร้านนี้เป็นเอกลักษณ์ของร้าน หมี่สีเหลือง ผัดมากับหอยนางรม
ปลาหมึกใส่ผักกาดเขียว มีไข่ดาวไม่สุกวางมาข้างใต้เส้น ๑ ฟอง
ข้าวมันไก่โก้เต้า เจ้าตำรับไก่ตอนหนังกรอบ จากหน้าโรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน
วิ่งตรงมาก่อนถึงสี่แยก ตรงข้ามโรงเรียนอนุบาล อยู่ซ้ายมือออกขายตั้งแต่เช้าไปยันเที่ยง
นอกจากนี้ยังมี โลบะ ร้านโลบะ บางเหนียว โลบะเบ่งสอง โลบะ ที่สี่แยกสยาม ถนนเยาวราช
ร้านโลบะที่ออกชื่อมา ๒ ชื่อแรกถามได้จากชาวเมือง เครื่องในหมูพะโล้ แล้วเอามาทอดจิ้มน้ำจิ้มหวาน
ๆ เด็ดจริง ๆ กินเล่นมื้อบ่ายดีที่สุด
นอกจากนี้ยังมี หมี่ มีอะไรอีกหลายอย่างเหลือเกิน หากจารไนของกินภูเก็ต ทุกมื้อ
ทุกอย่างทั้งคาวและหวานเขึยนหนังสือได้เล่มหนึ่ง ไปคราวนี้หาขนมโอ้เอ๋ว เจอหลายร้าน
ร้านหนึ่งอยู่ตรงโลบะสี่แยกสยาม และยังมีอาปง ทำทีเดียว ๓ กะทะ กะทะละอัน
ยามเช้าหากินได้ตามร้านกาแฟ
มาร้านอาหารหลักของคราวนี้ คือร้านทะเลทอง จะไปชิมมื้อกลางวัน หรือมื้อเย็นก็ได้ทั้งนั้น
เส้นทางหากมาจากสะพานเทพกษัตรี ถึงประมาณกิโลเมตร ๓๖.๒ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนที่มุ่งหน้าไปสู่ทะเลทางด้านใต้ของเกาะภูเก็ต
(๓๖.๒ คือระยะทางห่างจากตัว อำเภอเมืองภูเก็ต) วิ่งกันไปจนสุดซอยไปต่อก็ตกทะเล
จะพบร้านที่ปลูกยื่นลงไปในทะเลนิดหนึ่ง เป็นศาลาโล่ง น่านั่ง อากาศเย็นสบาย
ลมทะเลตีหน้าไม่ต้องหาห้องแอร์นั่ง ใกล้ ๆ ศาลามีศาลาที่เลี้ยงทะเลทั้งหลายเป็น
ๆ ทั้งนั้น จะสั่งอาหารจากโต๊ะของเราหรือเดินไปดู "ทะเลเป็น ๆ" แล้วชี้เอาว่าจะให้ทำอะไรดี
ไม่แนะอาหารกุ้งเพราะค่อนข้างแพง กิโลละตกพันบาท เพราะเป็นกุ้งทะเลจริง ๆ
ไม่ใช่กุ้งเลี้ยง เช่น กุ้งกุลาดำ แต่คณะผมลองสั่งมาชิมดู เนื้อกุ้งจากทะเลนั้นแน่นเคี้ยวสนุก
รสดีพิลึกทีเดียว คือสั่งกุ้งเผา น้ำจิ้มของเขาเด็ดจริง ๆ
สาหร่ายทะเลทอง เป็นแผ่นบาง ๆ ทอดแล้วเหมือนปอเปี๊ยะวงเดือน จิ้มน้ำบ๊วยเจี่ย
จั๊กจั่นทะเลชุบแป้งทอด หากินยากมาก มีชุมแถว ๆ อุทยานสิรินาถ ใกล้ทางเข้าทะเลทอง
แต่มีเป็นฤดู แล้วจับก็ยากด้วย ทอดแล้วอร่อยกรอบไปทั้งตัว ไม่ต้องกลัวหน้าตาของจั๊กจั่น
หอยชักตีนลวก ยอดอาหารและหายากมากเช่นกัน หอยจะมีเหมือนตีนโผล่มานิดหนึ่ง
หากลวกไม่เป็นอาลงความร้อนทันที หอยจะดึงตีนเข้าไปในตัวหอย ทำให้กินยาก แคะออกมายาก
แต่หากค่อยให้ความร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หอยไม่ทันรู้ตัวก็ตายแล้ว หอยจะไม่ชักตีนเข้าไป
เวลากินก็ดึงที่ตีนหอยจะออกมาทั้งตัว จิ้มน้ำส้มที่รสเด็ดจะอร่อยมากจริง ๆ
หากินยากเต็มที เจอที่ไหนต้องสั่ง หอยชักตีนลวกอย่าลืม
ปลาเก๋าสามรส ปลาทอดมาตัวโต เนื้อนุ่มแน่น น้ำราดรสเข้มข้น
ปูดำผัดผงกระหรี่ เอาน้ำผัดมาคลุกข้าวแล้วกินเนื้อปูตามเข้าไป
แกงเหลืองปลากะพงแดง แกงรสชาวใต้ ออกรสเผ็ดแต่ได้กินเผ็ดที่มีรสสมใจ
เอาอีกอย่าง ปูผัดพริกไทยดำ อาหารอร่อยทุกจาน ราคาสมกับความอร่อยของอาหาร
ก่อนจบแนะยาสักขนาน เพราะก่อนเขียนต้นฉบับ ชาวหมู่บ้านปิยะมิตร (ผมตั้งชื่อหมู่บ้านนี้เอง
มีบ้าน ๑ - ๕ ) ซึ่งที่ตั้งอยู่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เขามาหาผมเพราะผูกพันกันมานานร่วม
๑๔ ปีแล้ว สาเหตุที่ผูกพันกันเพราะตอนที่ผมทำหน้าที่แม่ทัพภาคที่ ๔ ส่วนหน้า
ได้รับคำสั่งให้ปราบปรามโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา เอาให้ออกจากป่าให้ได้ ผมทำสำเร็จ
พวกเขา ๒ กลุ่ม ๖๔๔ คน ออกจากป่ามารายงานตัวเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เมื่อ
๑๓ มีนาคม ๒๕๓๐ และ ๒๘ เมษายน ๒๕๓๐ จบสิ้นการสู้รบ ผมกับเขาจึงเป็นเหมือนพี่น้องกัน
ผมสร้างหมู่บ้าน (ใช้เงินรัฐบาล) ให้เขาอยู่ หาที่ทำกินให้ สร้างหมู่บ้านเขาให้เป็นเหมือนรัฐกันชน
ตอนที่ผมเขียนอยู่กำลังแข่งขันซีเกมส์พอดี จะเห็นว่าผลของซีเกมส์ ที่ออกมานั้นไม่ยุติธรรมต่อนักกีฬาไทย
ดังนั้นเมื่อพวก" อดีต จคม. " มีทุกข์เรื่องอะไรเขาก็มาหาผม ตอนนี้มีทุกข์เรื่องหัวหน้าใหญ่ของเขา
คุณจางจงหมิง เจ็บหนัก (ป่านนี้อาจจะซี้ไปแล้ว) เขามาหาและแนะนำว่าพวกเขามียาดี
เป็นยาสมุนไพร สั่งมาจากประเทศจีน และ "อย." ได้อนุมัติเรียบร้อยแล้ว ชื่อยา
เจิน เหยิน โทนิค เป็นยาบำรุงพลัง เขาเคยให้ผมกินได้ผลดี มีทั้งชายและหญิง
ราคาค่อนข้างแพง แต่ถูกกว่ายาฝรั่งและได้ผล ผมคงบอกได้แค่นี้ ท่านใดสนใจลองติดต่อ
๐๒ ๖๕๔๒๕๓๑ - ๒,๐๑ ๓๓๑๘๐๑๒ หรือจะไปซื้อที่ร้านของเขาแล้วกินขาหมูเบตง เคาหยกเผือก
ผัดหมี่เบตง แกงจืดรากจอมพลัง ฯ ก็ถามทางไปร้านเขาดู เพชรเกษม ๖๙ เข้าไปสัก
๒ กิโลเมตร ถึงสี่แยกธนาคารไทยพาณิชย์ เลี้ยวซ้ายไป ๒๐๐ เมตร ร้านอยู่ซ้ายมืออิ่มอร่อยแล้วซื้อยากลับมา
...................................
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |