| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

ไหว้พระดีภาคอีสาน ๒

                   ผมเล่าถึงการไปไหว้พระดีภาคอีสานมาแล้วหนึ่งตอน พระดีที่บุรีรัมย์ต้องขอเล่าของบุรีรัมย์ต่อวนอุทยานเขากระโดง อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองบุรีรัมย์มาตามถนนสายบุรีรัมย์ - อำเภอประโคนชัย มาได้ประมาณ ๖ กิโลเมตร ทางซ้ายมือจะมีป้ายใหญ่บอกไว้ว่า วนอุทยานเขากระโดงให้เลี้ยวซ้ายตรงเข้ามาจนถึงเชิงเขา บริเวณวัดพระพุทธบาทเขากระโดงนั้นอยู่ตรงเชิงเขาและมีรอยพระพุทธบาทจำลอง แต่เราจะขึ้นไปนมัสการพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีขาวที่มองเห็นได้แต่ไกลและอยู่บนยอดเขา ให้วิ่งรถขึ้นไปได้จนถึงยอดเขา หรือมั่นใจในกำลังของเราก็อาจจอดรถไว้ที่เชิงเขา แล้วเดินขึ้นบันไดไปก็ได้ ผมเอารถขึ้นไป ถนนดีไม่ชัน ขึ้นไปได้สักครึ่งทาง ทางขวาคือ ปากปล่องภูเขาไฟเดิม ที่ดับสนิทมานานนับหมื่นปีแล้ว แต่ทุกวันนี้ยังมีน้ำอยู่ในปากปล่องภูเขาไฟแห่งนี้  บุรีรัมย์คือดินแดนภูเขาไฟที่ดับแล้ว ชมปากปล่องภูเขาไฟแล้วก็วิ่งรถขึ้นต่อไปจนถึงยอดเขาซึ่งมีลานให้จอดรถ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ พระสุภัทรบพิตร ประทับนั่ง องค์หลวงพ่อสีขาว เมื่อมาจากในเมืองจะมองเห็นแต่ไกล และตรงที่จอดรถจะมีปราสาทเก่าแก่พังลงมาหมดแล้ว บูรณะด้วยวิธีชาวบ้านคือ จับหินยกไปวางซ้อนกัน และตรงไหนที่กลัวจะพังลงมาอีกก็เอาซีเมนต์โบกไว้ เป็นอันจบปราสาทหลังนี้ ในปราสาทมีรอยพระพุทธบาทจำลองที่เก่าแก่ ให้มาเคารพบูชากราบไหว้กัน และบนเขานี้ยังมีต้นไม้เก่าแก่เป็นต้นไม้เด่นของวนอุทยานคือต้น "มะกอกโคก" เขาว่าเหลืออยู่แห่งเดียวที่เขากระโดงแห่งนี้
            จากยอดเขากระโดงนี้จะมองเห็นวิวไปได้ไกล และมองเห็นเมืองบุรีรัมย์อยู่ไม่ไกลจากสายตา กลับเข้าเมืองบุรีรัมย์กันใหม่
            สัญลักษณ์ประจำจังหวัด รูปเทวดารำอยู่บนปราสาทเขาพนมรุ้ง  คำขวัญประจำจังหวัดบุรีรัมย์ เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม
            พระดีของบุรีรัมย์ที่ยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน ๑๐๘ วัด คือ พระพุทธรูปวัดเขาอังคาร บุรีรัมย์ยกไว้เพียงวัดเดียว
            แต่ผมว่ายังมีอีกหลายวัดในสายตาของผม  แต่เขายกย่องไว้เพียงวัดเดียว
            สถานที่ท่องเที่ยวแห่งอื่น ๆ.-
            อ่างเก็บน้ำห้วยตลาด  อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๑๐ กิโลเมตร มีทิวทัศน์งดงามบรรยากาศร่มรื่น ริมอ่างห้วยยางตลาดมีสวนนกกระยางขาว
            ในเขตอำเภอปะคำ ได้แก่
            ปราสาทประคำ สร้างด้วยศิลาแลงต่อกันเป็นปราสาท มีประตูทางเข้าเพียงด้านตะวันออกเพียงด้านเดียว อีก ๓ ด้านปิดแน่น (หลายปราสาทสร้างแบบนี้ ประตูจริงประตูเดียว อีก ๓ ประตูสร้างหลอกเอาไว้) กำแพงสร้างด้วยศิลาแลง มีสระน้ำอยู่ทางทิศตะวันออกของปราสาท ห่างกำแพงประมาณ ๕๐ เมตร ปราสาทตั้งอยู่ในเขตบ้านโคกงิ้ว ตำบลปะคำ อำเภอปะคำ ไปตามถนนสายนางรอง - ปะคำ ในช่วงหลักกิโลเมร ๒๐ - ๒๑ อยู่ห่างจากถนนไปประมาณ ๒๐๐ เมตร
            ปราสาทบ้านใหม่เจริญ  ตำบลไทยเจริญ ห่างจากโรงเรียนปะคำไปทางตะวันออก ราว ๔ กิโลเมตร เป็นโคกมีเสาประตูตั้งอยู่ น่าจะเป็นปราสาทอิฐ ศิลปะลพบุรี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕ - ๑๖
            ถ้ำเป็ดทอง ในเขตตำบลโคกมะม่วง เป็นถ้าหินคล้ายเรือโป๊ะ เรียงกันที่ห้วยลำมาศ เป็นลาดหิน ช่องหลืบของถ้ำมีอักษรจารึกไว้ ๓ แห่ง เป็นภาษาสันสกฤต อ่านแล้วไดใจ้ความ (ไม่ใช่ผมอ่าน) ว่า "จิตรเสนได้สถาปนาลึงค์นี้ขึ้นด้วยความภักดีต่อพระศัมภุและต้องได้รับอนุญาตจากบิดามารดา"
            ในเขตอำเภอละหารทราย ได้แก่.-
            ปราสาทหนองหงส์  ในเขตตำบลโนนดินแดง สร้างด้วยอิฐมี ๓ องค์ อยู่ในบริเวณเดียวกัน ล้อมรอบด้วยกำแพง ศิลาทับหลังจำหลักเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ รูปพระอินทร์ และรูปช้างเอราวัณ ปรางค์หลังกลางมีชานเด่นยื่นออกไปมีวิหารอีก ๑ หลัง ปราสาทหลังใต้มีรูปจำหลักพระอิศวร  เชื่อว่ามีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๗
            ภูเขาไฟพนมรุ้งอยู่ในเขตอำเภอนางรอง อำเภอประโคนชัย และอำเภอละหานทราย ถนนที่ไปราดยาง เป็นภูเขาโดดเดี่ยวล้อมรอบด้วยที่ราบสูง ปากปล่องมีแอ่งปะทุเป็นทางน้ำไหลทำให้เกิดเป็นน้ำตกพนมรุ้งที่งดงาม ซึ่งสามารถจะไปชมน้ำตกได้ในฤดูฝน
            จากจุดนี้สามารถมองเห็นวัดเขาพระอังคารที่มีความงดงามตามธรรมชาติได้ดี
            ภูเขาไฟปลายบัด  ไปทางพนมรุ้ง เคยมีปราสาทตอนนี้เหลือแต่ซากให้รู้ว่าเคยมีปราสาท
            ในเขตอำเภอโนนดินแดง มีอนุสาวรีย์เราสู้ สร้างเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของทหาร ตำรวจ ประชาชนที่เสียชีวิตเนื่องจากการส่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
            เขื่อนลำนางรอง  ห่างจากอนุสาววรีย์เราสู้ไปสัก ๕๐๐ เมตร มีทางแยกขวาเข้าไปอีก ๔ กิโลเมตร เป็นอ่างเก็บน้ำที่กว้างใหญ่มาก เมื่อสัก ๑๕ ปีที่แล้ว สมัยที่ผมยังรับราชการ และทำงานด้านยุทธศาสตร์พัฒนาตามแนวชายแดนแถบนี้ด้วย  เคยได้กินปลานิลตัวโตกว่าชามเปล ที่เขาจับมาขายแล้วเราซื้อมาให้ทหารปรุงแต่งเป็นอาหารให้ ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้ตัวยังโตเท่าจานเปลอยู่อีกหรือเปล่า เพราะวันที่ไปไม่ได้แวะเข้าไปเยี่ยมและกินอาหารร้านริมเขื่อน ทางริมเขื่อนจะมีร้านอาหารตั้งอยู่จำนวนมาก อาหารปลาเป็นเด็ดนัก ราคาไม่แพง มื้อที่เหมาะคือมื้อกลางวัน
            แถบนี้มีหมู่บ้านที่เคยนำ "บัณฑิตเกษตร" ตามโครงการบัณฑิตเกษตรที่ พล.อ.พิจิตร  กุลละวณิชย์ ได้ริเริ่มเอาไว้ และผมเป็นรองของท่านก็เป็นผู้ดำเนินการในรายละเอียด หมู่บ้านแถบนี้ที่กำลังพัฒนาในขณะนั้นมี ๔ หมู่บ้าน ตั้งชื่อว่าหมู่บ้าน ๑ - ๔ เราได้ส่งบัณฑิตเกษตร คือผู้ที่จบจากเกษตรศาสตร์จากมหาวิทยาลัย หรือวิทยาลัยใดก็ได้ (ผมได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ก็เพราะทำงานส่งเสริมบัณฑิตเกษตรเหล่านี้) นำบัณฑิตเหล่านี้มาอบรมและต้องสัญญากันว่าจะไปสร้างตัว ไม่คิดรับราชการ ไปอยู่ชายแดน แล้วเราก็จัดการให้ทุน ให้เครื่องมือเครื่องใช้ ให้บ้าน ให้ที่ดินทำกินในเขตป่าสงวนเสื่อมโทรม ซึ่งจะขอใช้ได้ให้ไปคนละ ๑๕ ไร่ บัณฑิตเหล่านี้จะไปอยู่กันหมู่บ้านละ ๒ - ๓ คน เมื่อเข้ากับชาวบ้านได้ก็จะสร้างตัวได้ และจะทำตัวเป็นเสมือนเกษตร "หมู่บ้าน" ทางราชการเขามีเกษตรตำบล ของเราถึงรากหญ้าคือมีเกษตรหมู่บ้าน ก็จะช่วยเหลือและให้วิชาแก่เกษตรกร ซึ่งใหม่ ๆ จะเป็นอันตรายกับตัวเอง เพราะพวกพ่อค้าขายปุ๋ยจะเขม่นเอาคิดปองร้ายถึงชีวิตเลยทีเดียว ยกตัวอย่าง ผลไม้ปลูกใหม่ พ่อค้าแนะให้ใช้ปุ๋ยสูตร (สมมุติ) ๑๕ - ๑๕ - ๑๕ แต่บัณฑิตของเราแนะให้ใช้ปุ๋ยยูเรีย (ปัสสาวะแช่น้ำแล้วเอาไปรดยังได้) ซึ่งราคาจะผิดกันมาก พอปลูกไม้แก่ต้องการความหวาน พ่อค้าบอกว่าต้องใช้ปุ๋ยสูตร ๒๑ - ๒๑ - ๒๑ ซึ่งจะแพงมาก เวลานั้นตกกิโลกรัมละ ๓๐ บาท บัณฑิตแนะให้ใช้ปุ๋ยสูตร ๐ - ๐ - ๖๐ หรือ ๐ - ๐ - ๕๐ ราคากิโลกรัมละ ๓ บาท เพราะต้นไม้ออกผลและโตเต็มที่แล้วต้องการความหวาน คือปุ๋ยตัวท้ายได้แก่ "โปแตสเซียม" อีก ๒ ตัวหน้าคือ N, P ไม่ต้องการ จึงไปขัดกับพ่อค้าปุ๋ยที่เคยขายขูดรีดเอากับราษฎรและขายด้วยวิธีเงินเชื่อ เก็บผลได้จึงจะจ่ายสตางค์ก็บวกดอกเบี้ยเข้าไปกับราคาขายอีก แต่เมื่อราษฎรเกษตรกร ได้ผลอย่างที่บัณฑิตแนะนำ เขาก็พอใจและคอยปกป้องพวกลูก ๆ หลาน ๆ น้อง ๆ ชาวบัณฑิตเกษตรที่อยู่กับเขา เวลานี้ผ่านไปร่วม ๑๕ ปีแล้ว บัณฑิตเหล่านี้ส่วนใหญ่ที่นำไปไว้ตามหมู่บ้านต่าง ๆ หลายจังหวัดด้วยกันเติบใหญ่ บางคนเป็นระดับผู้ใหญ่บ้านไปแล้ว มีเป็นกำนันหรือยังไม่ทราบ แต่พวกเขากับผมก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ เช่นพวกบนเขาค้อเป็นต้น ผมรักพวกเขา เขาก็รักผม เรียกผมว่าคุณพ่อ  ที่นำมาเล่าเพราะเสียดายที่พอผมและท่าน พล.อ.พิจิตร  กุลละวณิชย์ (ผมยกให้เป็นนายตลอดกาล) เกษียณอายุราชการกันแล้ว โครงการนี้ก็เลิกไปไม่มีใครทำได้อีก เพราะไม่ใช่แค่ทหารเท่านั้นที่จะทำได้ ต้องประสานกับหลายฝ่ายทางหน่วยราชการพลเรือน จึงจะสำเร็จ  ผู้ประสานต้องมีเครดิตดีให้ฝ่ายพลเรือนเลื่อมใสเชื่อถือ  ผมเล่าถึงที่เที่ยวในอำเภอตั้งใหม่คือ โนนดินแดงนิดเดียว และเล่ากันยาวไปถึงเหล่าบัณฑิตเกษตร ซึ่งเสมือนเป็นอนุสาวรีย์ผลงานของพวกผมเหมือนกัน
            อำเภอบ้านกรวด  อำเภอนี้ก็มาเกี่ยวข้องกับผมอีกนั่นแหละ เมื่อเวลาผมไปเยี่ยมบัณฑิตเกษตรที่โนนดินแดง ก็ถือโอกาสไปเยี่ยมประชาชน ถามทุกข์ ถามสุขเขาด้วย สุขของเขาผมไม่ยุ่ง แต่ทุกข์ของเขา ในฐานะที่ทำงานด้านยุทธศาสตร์พัฒนาตามแนวชายแดน เมื่อทราบทุกข์ของเขาแล้ว ผมก็จะกลับมาระดมหน่วยราชการที่จะแก้ไขทุกข์ของราษฎรละแวกนั้นเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนในครั้งแรก แล้วแก้ปัญหาระยะยาวด้วยการยกขบวนกันไป บางครั้งแห่กันไปตั้ง ๒๒ หน่วยราชการ เอากันให้สำเร็จเป็นรูปธรรม ชาวบ้านจึงรู้จักผมแยะ บางหมู่บ้านผมไป "เที่ยวไป กินไป" ในทุกวันนี้เขาก็ยังจำผมได้ และเรียกผมว่าคุณพ่อ ที่บ้านกรวดผมไปเยี่ยมพิพิธภัณฑ์ที่โรงเรียนบ้านกรวดวิทยาจัดทำขึ้น และต่อมาเรียกว่า ศูนย์วัฒนธรรมอำเภอบ้านกรวด ครูที่รับผิดชอบได้ขอความช่วยเหลือ ซึ่งผมก็เสนอต่อไปให้ทางกระทรวงศึกษาธิการ (กรมศิลปากร) ให้ช่วยดำเนินการ ที่ศูนย์แห่งนี้ได้รวบรวมเครื่องเคลือบดินเผาโบราณเอาไว้มาก และที่บ้านกรวดคือแผล่งผลิตที่สำคัญในอดีต เดาเผาโบราณที่ได้เปิดแล้วมี ๒ แห่ง เตาเผาที่พบมีอายุนับพันปี ควรไปชมเพราะไม่ไกลจากละหานทราย
            เขื่อนห้วยเมฆา  สร้างเพื่อแผ่นดินอีสานตอนใต้ เป็นแอ่งน้ำในหุบเขาเป็นที่ท่องเที่ยวในบริเวณนี้มีสวนยูคาลิปตัสและสวนป่าห้วยเมฆา มีการพบหินทรายก้อนใหญ่ สันนิษฐานว่าคงจะถูกขุดเพื่อนำไปสร้างปราสาทในเขตอีสานใต้
            อำเภอพุทไธสง  หากจะไปจังหวัดมหาสารคาม โดยไปทางอำเภอปะทาย จะผ่านพุทไธสง แต่หากไปจากบุรีรัมย์ จะต้องเดินทางไปอีก ๗๐ กิโลเมตร โดยจะผ่านอำเภอสตึก ที่อำเภอนี้มี.-
            ปรางค์กู่สวนแตง  ตำบลพุทไธสง ห่างจากตัวอำเภอไปอีกสัก ๔ กิโลเมตร พระปรางค์ศิลปะขอม ๓ องค์เรียงกัน หน้าบันซุ้มประตูสลักภาพนารายณ์บรรทมสินธ์ที่งดงามมาก  แต่เนื่องจากเคยถูกขโมยไปแล้วและเมื่อนำกลับคืนมาได้เลยเอาไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่กรุงเทพ ฯ แล้ว
            พระเจ้าใหญ่วัดหงส์ น่าจะนับเป็นพระดี ๑ ใน ๑๐๘ ของอีสาน เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ปางสมาธิ ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มาก สร้างด้วยศิลาแลง ศิลปะพื้นเมือง ทิศทางไปค่อนข้างสับสนเพราะชาวบ้านรู้จักดี เลยไม่คำนึงถึงนักท่องเที่ยวที่ทราบว่ามีพระดี แต่ไม่รู้รายละเอียดว่าอยู่ตรงไหน ต้องไปเริ่มที่ตลาดพุทไธสง ถามชาวตลาดดูว่าวัดหงส์อยู่ทางไหนให้เขาชี้ทางให้แล้วค่อยคลำทางไปอีกที ห่างตลาดประมาณ ๑ กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายเข้าไปอีก ๒ กิโลเมตร แต่ถนนดี มีเจดีย์สร้างไว้ข้างอุโบสถ ๑ องค์
            กู่ฤาษี  เป็นศิลาแลงวางเรียงซ้อนกันและวงเป็นกำแพงล้อมตัวกู่ ภายในมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ อยู่ในเขตตำบลทองหลาง
            ของฝากจากบุรีรัมย์ ผ้าไหม ผ้าฝ้ายพุทไธสง ปลาจ่อม กุ้งจ่อมของ อำเภอประโคนชัย กระยาสารทของประโคนชัย และขาหมมูนางรอง
            ที่พัก ผมพักที่โรงแรมเทพนคร ซึ่งปรับปรุงใหม่เรียกว่า สร้างใหม่ไม่เหลือรอยเดิมให้เห็นเลย สะดวกสบาย ราคาไม่แพง อยู่ชานเมืองบุรีรัมย์ โทร. ๐๔๔ ๖๑๓๔๐๐ - ๒
            อาหารมื้อเด็ด  ร้านป้าใหญ่ ถนนปลัดเมือง ๐๔๔ ๖๒๕๕๑๔ ให้เริ่มต้นจากสถานีรถไฟบุรีรัมย์ หันหลังให้สถานีรถไฟแล้วเดินหน้ามา ๓๐ เมตร จะพบกับหอนาฬิกา ให้เลี้ยวขวาผ่านร้านข้าวต้มกุ๊ย (เขาเรียกตัวเขาเอง) ชื่อร้าน เขาทะเล อยู่ทางขวา มาถึงสี่แยกไฟสัญญาณให้เลี้ยวซ้าย ผ่านหน้าร้านข้าวต้มเจ้หมวย ร้านนี้ผมอุดหนุนเขาเป็นประจำ เดี๋ยวนี้ขยายร้าน ดูสะอาดตากว่าเดิมแยะ ผ่านต่อไปจะผ่านปั๊มน้ำมันเชลล์ทางซ้ายมือ ที่ปั้มนี้ตอนช่างฟิตอยู่กลางวันเขามีขนมเทียนแก้วขายอร่อยนัก
            เริ่มอีกที สถานีรถไฟ ๓๐ เมตร ถึงหอนาฬิกาเลี้ยวขวา ถึงสี่แยกมีไฟสัญญาณเลี้ยวซ้าย ตรงเรื่อยไปผ่านปั๊มเชลล์ ถึงร้านข้าวต้มตี๋ภาค ๒ (กลางวันปิดร้านเงียบ) ทางขวาคือธนาคารนครหลวงไทย ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนข้างธนาคารนครหลวงไทยทันที เข้าไปสัก ๕๐ เมตร ร้านป้าใหญ่อยู่ซ้ายมือ ร้านสองห้อง เป็นห้องปรับอากาศนั่งเย็นสบาย ตรงข้ามก๋วยเตี๋ยวกระทุ่มแบน
            ซี่โครงมหมู หมูนุ่ม เปื่อย แต่เปื่อยได้เคี้ยว ผักวางข้างคือผักคะน้าลวก จิ้มซ๊อสพริก หรือน้ำจิ้ม ๓ รส
            น้ำพริกลาบปลาดุก ไม่มีกลิ่นของปลาเลย เอาปลาดุกมาสับ ตำกับพริก รสกำลังดีเผ็ดนิดเดียว พอรู้สึกว่าได้กินพริก ผัก ๑ จาน น่ากินทั้งนั้น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ ผักกาดขาวปลี
            แหนมซี่โครงหมู ทอดมา แนมด้วยขิง ต้นหอม เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ พริกขี้หนูแห้งทอดกรอบ จานนี้หมดในเวลาอันรวดเร็ว รสแหนมดีเหลือเกินไม่เอาแต่เปรี้ยว เคี้ยวสนุก
            ต้มแซ่บ มีขาลาย (เนื้อ) หรือสั่งจะเป็นหมู หรือไก่บ้านก็ได้ เสริฟมาในกะทะทองเหลืองใบน้อยตั้งมาบนเตาน้อย ใช้เตาแก๊ส ซดชื่นใจเหลือประมาณ อาหารน้ำร้านนี้สังเกตโต๊ะอื่นด้วยไม่ว่าจะเป็นต้มยำ ต้มโคล้ง ต้มแซ่บ เขาเสริฟมาในกะทะทองเหลืองใบน้อยแล้วตั้งมาบนเตาแก๊สทั้งสิ้น แต่ละโต๊ะแข่งกันซดสนุกไป

...........................................................


| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |