| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

ยอดสน
       สายลมอ่อนพริ้วพัดปลิวผ่านมาเมื่อใด    ยอดสนอ่อนไหวเอนไหวอ่อนตามลมลู่
เห็นสนโอนไกวเพราะสายลมพรู    พัดพริ้วชวนดูนึกรู้ลมไหว    โยกไปไม่เห็นแน่นอน
        คิดไปยอดสนเหมือนคนที่ใจอ่อนไหว    ชอบผันเปลี่ยนไปโดยไร้ตรึกตรองมาก่อน
เพราะหลงคำยอเพราะพ้อคำกลอน    เหมือนสายลมจงพัดย้อนดวงใจ    เปลี่ยนไปด้วยน้ำคำคน
        คิดถึงรักเก่าของเราเคยชื่น    ห้วงใจรักให้ยั่งยืน    ชื่นบานเพราะรักปรนเปรอ
ครั้นแล้วหัวใจของเธอไม่ทน    หัวใจอ่อนดังยอดสน    คล้อยตามคำคนเปลี่ยนใจ
        รักจางห่างหายเสียดายเบื่อง่ายถ่ายถอน    ไม่รักแน่นอนใจร้อนค่อนหลงลืมง่าย
รักร้างแรมราอาวรณือาลัย    รักแรมร้างไกลรักใคร่จริงจัง ดุจดังยอดสนเอน

ยังรักเธออยู่

         ฉันยังรักเธออยู่     ห่วงยอดชู้รักไม่รู้คลาย
รักเธอจนวันตาย     เฝ้ามั่นหมายรักมั่นใจ
         ฉันยังรักเธอยิ่ง     อย่าทอดทิ้งรักฉันให้ร้างไกล
รักเธอดังดวงใจ     อยู่แห่งใดใจใฝ่ถึง
         ฉันรักฉันหลงคอยเธอ     ฉันรักฉันเพ้อรำพึง
น้ำคำเธอพร่ำยังซึ้ง     รักตรึงใจไม่อยู่ไม่หาย  รักเธอไม่คลายมั่นคง
         ฉันยังรักเธอมั่น     อย่าลืมฉันทิ้งให้เพ้อพะวง
ฉันลืมไม่ลง     เฝ้าพะวงหลงรักเธอ

ยามรัก
คำร้อง วังสันต์      ทำนอง ครูเอื้อ สุนทรสนาน

         ยามเช้าพี่ก็เฝ้าคิดถึงน้อง     ยามสายพี่หมายจ้องเที่ยวมองหา
ยามบ่ายพี่วุ่นวายหากานดา     ยามเย็นไม่เห็นหน้าผวาทรวง
         ค่ำนี้พี่จะมีใครเคียงข้าง     หนาวน้ำค้างเหน็บจิตให้คิดห่วง
พี่ก็หนาวน้องคงหนาวนอนร้าวทรวง     โอ้พุ่มพวงอย่าให้รอถึงเช้าเอย

เย็น- เย็น
คำร้อง เอิบ ประไพเพลงผสม      ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

         เย็น-เย็น  แดดร่มเย็นใจ     ตะวันเคลื่อนไปไกล    เมื่อใกล้จะสนธยา
เย็น-เย็น  เมฆงามเมื่อยามเย็น     ยิ่งมองยิ่งกลายเป็น     ภาพลอยเลื่อนมา
ใครจะพะนอจู๋จี๋     ช่วยชวนชี้ใช้เพลินตา     น่าเสียดายอยู่คนเดียว    จะแลเหลียวเปลี่ยววิญญา
         เย็น-เย็น  ตะวันลับเหลี่ยมเมฆา     ระรื่นกลิ่นมาลา     เลื่อยลอยมากับลม
เย็น-เย็น ตะวันใก้ลรอน ๆ     ยิ่งคิดจิตรอน ๆ      ยิ่งคิดยิ่งอาวรณ์     เฝ้าถอมใจระบม
         เย็น-เย็น  เหม่อมองจ้องใจลอย     โอ้รักของเราก็เลยพลอย     เลื่อนลอยเช่นลม
โอ้ว่าความรักมักเหลวไหล     ถ้าใครหลงต้องตรอมตรม
อนิจจาอ่อนอาลัย     ยิ่งคิดแล้วให้ระบม
เย็น-เย็น  อยู่เดียวเปลี่ยวอารมณ์     ได้ชมแต่ความงามเมื่อยามเย็น

ร้อนเสน่ห์

         ร้อนแดดที่แผดที่เผา     ยังพอหลบเข้าใต้ร่มพฤกษา
แต่ร้อนรักนั้นหนักอุรา     ไม่รู้ว่าจะหลบอยู่แห่งใด
         ไฟไหม้ที่ราวป่า     ยังมีเวลาที่จะดับได้
แต่เพลิงรักนั้นดับไม่ไหว     ก็ด้วยหัวใจของฉันนั้นมั่นคง
         รักอื่นตั้งหมื่นตั้งแสน     รักยังไม่แม้นเท่าเธอที่ฉันหลง
แต่ความรักของฉันนั้นมั่นคง     รักจนหลงพะวงอยู่แต่เธอ
         ยามเมื่อจะนอน     ให้อาวรณ์อยู่เสมอ
ค่ำคืนเฝ้าฝันกลางวันเฝ้าเพ้อ     ด้วยความรักเธอนั้นหนักอุรา
        แม้ได้ชื่นชมสมคิด     จะแนบสนิทชื่นจิตเสน่หา
จะถนอมน้ำใจกับวาจา     ให้เหมือนดังว่า     ที่เคยได้พร่ำรำพัน
         ธรรมชาติสร้างรัก     ช่วยชวนชักให้ได้พบกัน
วาสนานำพาให้ร่วมสัมพันธ์     ให้ร่วมรักกันเป็นคู่อยู่เคียง

รอพี่
คำร้อง ธาตรี      ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

         โอ้ใครหนอที่เคยร่วมหอร่วมหมอน     นอนฟังฟังน้องกล่อม
ใครหนอเคล้าคลอแอบดมแก้มหอม     ฝากคำหวานยั่วย้อมน้อมใจแรกชม
         โอ้ใครหนอบ่นร้อนรุ่นใจ     ยังเคยพัดให้สบายรื่นรมย์
โอ้ใครหนอน้ำใจมาทิ้งให้ตรม   ปวดใจเหลือข่มระบมอกน้องครองเศร้า
          ป่านฉะนี้พี่นอนแนบเนื้อนวลหญิง  อิงใครหรือเปล่า
ใจน้องร้อนดังถูกไฟแผดเผา   โอ้มันแสนเงียบเหงายังเฝ้ารอคอย
         แอบอกอิงอกหญิงคนใด     จึงลืมน้องได้อกเคยฝากรอย
จืดจางแล้วจึงมาทิ้งให้คอย     เมตตาน้องหน่อยยังคอยเก็บหวานรอพี่

ระทมในลานลั่นทม
คำร้อง ชอุ่ม ปัญจพรรค์      ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

         หอมเอยลั่นทมฉมไกล     กลิ่นซึ้งตรึงใจ  ดอกไม้อื่นใดไม่ปาน
หวลอวลใจ ซึ้งอยู่ในฤทัยวิญาณ     หอมจะคงตลอดกาล  สิ้นปราณยังฝันใฝ่
         รักห่างเปรียบฟ้าดินระทม     ชวนรักชวนชม  อกฉันจึงตรมไม่หาย
แต่ฉันรักมันไม่รู้คลาย     ฟ้าดินสิ้นไป  อกเอ๋ยแจ่มใจไม่หายจำ
         นภาสิ้นแสงนวลจันทร์     เปรียบเป็นเช่นกันหภัยเรานั้นมืดดำ
หอมลั่นทม  ฉันกลับตรมระทมใจระกำ     รักระทมโลมจิตนำ  เจ็บจำไม่รู้วาย
         รักอยู่เคยงชู้แต่เพียงวิญญาณ     ด้วยกรรมปั่นรานสวาทมิหวานดังหมาย
ลั่นทมสมชื่อจริงหรือไร     ฉันนี้เศร้าใจ  กลิ่นของลั่นทมให้ระทม

รักครั้งแรก

         ช่างงามจริงหญิงใดไม่เปรียบเทียบเธอ     ใจฉันละเมอถึงเธอเมื่อพบครั้งแรก
โอ้ความรักใยจึงแปลก     เหมือนดังน้ำทิพย์ยามแรก     เริ่มเรานี้ได้ร่วมสัมพันธ์
         ชรอยได้เคยรักใคร่กันมา     ตั้งแต่เดิมนั้นจึงพา     ใจให้รักกันมั่น
ใครหรือมีเทียมทัน     มอบรักสมัครกัน     ไม่รู้เคลื่อนเลือนหาย
         เมื่อยามใดฉันได้อยู่ใกล้เคียงเธอ     ใฝ่ฝันละเมอถึงเธอไม่รู้แหนงหน่าย
ค่ำคืนฉันไม่ลืมงาย     นึกแต่รักที่เคยได้     ก่อคำพ้อคลอคู่ชิดชม
         พลอยชื่นชูฉันคู่กับเธอ     เสน่ห์เมื่อยามรักปรนเปรอ     งามด้วยแสงจันทร์ส่อง
เหนี่ยวน้าวร้าวอารมณ์     แรกรักสมัครชม     ใครหรือสมัครเหมือน
        อาจเป็นบุญชักนำให้เรามีรัก     ใจฉันรู้จักรักเธอเมื่อพบครั้งแรก
เหม่อมองเห็นกันยิ่งแปลก     เหมือนเมื่อเพ้อพูดคำแรก     เริ่มเรานั้นคือฉันกับเธอ
         วอนด้วยคำชื่นฉ่ำชื่นใจ     ปลอบประโลมหวานกระไร     ชวนให้ฉันนั้นเพ้อ
คงคิดถึงเพียงเธอ     มอบรักอยู่เสมอ     มิรู้เปลี่ยนแปรผัน

รักคุณเข้าแล้ว

      ...รักคุณเข้าแล้ว เป็น ไร รักจนคลั่งไคล้ จริง จัง คุณ รักใครหรือยัง ฉัน ใด
หวั่นใจ ว่าคงไม่แคล้ว เลยรักเข้าแล้ว จน ได้ บอกแล้ว ไม่วันไหน ต้องเผลอใจ เข้าสักวัน 
      รักคุณเข้าแล้ว เต็ม ทรวง          แล้วคุณอย่าหวง สัม พันธ์          เรา คิดมารักกัน ดี ไหม
ก็ ที ผมยังรักคุณ  ก็คุณรักบ้างเป็นไร ของรักกันได้ อย่าคิดอะไร เลย คุณ 
      รักคุณเข้าแล้ว เป็นไร  รักจนคลั่งไคล้ จริง จัง  คุณ รักใครหรือยัง ฉัน ใด
หวั่นใจ ว่าคงไม่แคล้ว  เลยรักเข้าแล้ว จนได้  บอกแล้ว ไม่วันไหน ต้องเผลอใจ เข้าสักวัน
      รักคุณเข้าแล้ว เต็ม ทรวง แล้วคุณอย่าหวงสัม พันธ์  เราคิดมารักกัน ดี ไหม 
ก็ ทีผมยังรักคุณ  ก็คุณรักบ้างเป็นไร ของรัก กัน ได้ อย่าคิดอะไร เลย คุณ

รักเธอคนเดียว
คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล      ทำนอง เวส สุนทรจามร

         เธอคนเดียวเท่านั้นที่ฉันรัก     หายสมัครมุ่งมาตรปรารถนา
เธอคนเดียวเท่านั้นที่ฉันบูชา     ยอดปรารถนาของฉันนั้นคือเธอ
         เธอรักเธอรักจริงยิ่งชีวิต     เฝ้าแต่คิดใฝ่ฝันมั่นเสมอ
ทั้งชาตินี้ชาติไหนใคร่บำเรอ     ตามเสนอไปสนองคู่ครองกัน
         เธอคนเดียวเท่านั้นที่ฉันคิด     หวังสนิทเฝ้าเพ้อละเมอฝัน
ฝากชีวิตจิตใจไว้ด้วยกัน     ผูกสัมพันธ์มั่นหมายไว้กับเธอ

รักนิรันดร

         เมื่อยามเช้าตรู่หมู่มวลผกา     มองดูเย็นตา     เหมือนพาเราให้สดชื่นดังฝัน
เรื่อเรืองแสงส่องดังทองพริ้วพราย     ประกายงามครัน     หอมยามลมผ่านซ่านใจเหลือข่ม 
         ดุจดังนารีแรกรุ่นดรุณีโสภา     แลดูสง่าต้องตาพาใจภิรมย์
หากหลงระเริงใจให้ชายเชยชม     แล้วคงต้องตรมทุกข์อยู่ไม่วาย
         โอ้ความรักที่คื่มด่ำสัมพันธ์     รักนั้นไม่คลาย     รักเอยไม่หน่ายคือแม่เท่านั้น
ค่ำคืนลุกนั่งระวังริ้นไร     ดวงใจรักมั่น     รักนั้นคือแม่ไม่แปรเปลี่ยนเอย

รักหวาน

         รักเอยหวานฉ่ำมาแรมรักจำห่าง     คิดถึงฉันบ้างอย่างร้างแรมเลือน
น้ำคำน้ำใจติดตรึงถึงแรมเดือน     รอยหยิกติดเตือนให้จำเสมอ
         แท้จริงฉันใคร่จะไปรักใครอื่น     รักเดียวรักชื่นเท่านั้นคือเธอ
รักใครร้อยคนไม่เคยคิดปรนเปรอ     ใจมั่นเสมอรักเธอไม่หน่าย
         รักแล้วมิแคล้วคลาดหวัง    อย่าเคืองคิดชังเบี่ยงบ่าย
ขาดเธอเหมือนใจจะขาดหาย     อกใจสลายแรมรา
         ฉันยังรักมั่นรอวันสัมพันธ์คู่     ฉันยังรักอยู่ไม่รู้โรยรา
ฉันยังพะวงว่าเธอนั้นคงมา     จงกลับมาหารักพามาด้วย

ร้ายนักรักนี้

      ถึงร้ายก็รัก (ก็รัก ก็รัก) แม้รักจะร้าย (จะร้าย จะร้าย)
เจ็บจำจนตาย โธ่เป็นไปได้ไร้ความปรานี (ไร้ความปรานี ไร้ความปรานี)
      หวังเพียงทำลาย ช่างร้ายสิ้นดี  หลอกลวงข้านี้ดั่งผีนั่นเชียว
ถึงร้ายก็รัก (ก็รัก ก็รัก) แม้รักจะร้าย (จะร้าย จะร้าย)
      สู้ทนด้านอาย มอบใจให้ไว้เพียงคนเดียว (ไว้เพียงคนเดียว ไว้เพียงคนเดียว)
เขาลาล้างไป ห่างไกลไม่เหลียว  ทนฝืนอยู่เดียวเปลี่ยวว้าเหว่ใจ
      รักนั้นช่างสุดร้ายช้ำใจไม่วาย ถึงตัวจะตายไม่วายรักใคร่
่หากเกิดมีมารผลาญใจ สู้ยอมทนได้          เทิดทูนดวงใจมอบไว้นิรันดร์
      * ถึงร้ายก็รัก (ก็รัก ก็รัก)  แม้รักจะร้าย (จะร้าย จะร้าย)
สุดหักไม่หาย ต้องก้มหน้าโศกาจาบัลย์ (โศกาจาบัลย์ โศกาจาบัลย์)
      เขาร้ายเพียงใด…ก็ไม่แปรผัน ใจรักผูกพันมั่นคงไม่คลาย
หากเกิดมีมารผลาญใจ สู้ยอมทนได้  เทิดทูนดวงใจมอบไว้นิรันดร์ (ซ้ำ*)

ริมฝั่งน้ำ

         ริมฝั่งน้ำ     พร่ำเพ้อละเมอครวญ
เคยชื่นชวน     เมื่อหวลคะนึงไป     จิตใจยังชื่นชู
         แสงเดือนส่อง     ยิ่งมองแล้วจิตเผลอเธอยังอยู่
เคล้าคลอคู่     ชื่นชูรู้สึกเหมือนเตือนใจจำ
         เธอกับฉัน     ก่อนนั้นเคยชื่นฉ่ำ
ริมฝั่งน้ำ     สุขล้ำยังจำได้     อะไรจะเทียมทัน
         เคยเรียกเธอ     เสนอรักรำพรรณ
เคยคู่กัน     ใฝ่ฝันถึงเพลงชื่น     ค่ำคืนได้เคยฟัง
         น้ำเต็มเปี่ยม     ก็เทียมรักสุกหวานปานไหลหลั่ง
น้ำเต็มฝั่ง     ดุจดังรักที่หวังยังคงคอย
         เคยชื่นใจ     ฝากไว้หัวใจลอย
เฝ้าแต่คอย     โอ้รักนั้นเลื่อนลอย     ยิ่งคอยยิ่งใจตรม

รุ่งฟ้ารังษี

         รุ่งฟ้าเรืองรอง     ผ่องรังษีแจ่มสุริยัน     พร่างพริ้วสวรรค์     อำพันสกาวพราวผ่อง
ภาพฟ้าเป็นทิว     ลิ่วลอยริบหรี่สีทอง     ผ่องพรรณงามตา     ฟ้ารุ่งแล้วราง ๆ
         เปรียบเหมือนดังเป็น     เช่นความรักแห่งหฤทัย     พร่างพริ้วไสว     ควงใจแจ่มพลันกระจ่าง
เริ่มแล้วรางรอง     ผ่องรังษีสู่นภางค์     สดสวยด้วยทาง    ช้างเผือกเด่นดูงามตา
         เหมือนกามนิตวาสิฎฐี     ผูกพันสองฤดี     รักมีความมั่นอุรา
ความรักจึงซึ้งสุดบูชา     สู่แดนฟ้าฤมี     รังษีสดแจ่มใส
         เมื่อรักจงรอ     ต่อความหวังแห่งปณิธาน     ใฝ่ฝันความหวาน     ชื่นชูอยู่เรียงเคียงไหล่
รื่นรักปรนปรุง     รุ่งรังษีสู่ฤทัย     โลกนี้อำไพ     ไร้สิ่งหลอกลวงมารยา

เรือนแพ

      ...เรือน แพ สุขจริง อิงกระแสธารา
...หริ่งระงม ลมพริ้วมา กล่อมพฤกษา ดังว่า ดนตรี
      ...หลับอยู่ใน ความรัก และความชื่น          ชั่ววันและคืนเช่นนี้
...กลิ่นดอกไม้ รัญจวนยังอบอวนยวนยี สุดที่จะ พรร-ณา
      ...เรือน แพ ล่องลอย คอยความรักนานมา
...คอยน้ำค้าง กรุณา หยาดมา จากธารา แหล่งสวรรค์ 
      วิมานน้อย ลอย ริม ฝั่ง ถึงอ้างว้างเหลือใจรำพัน
...หิวหรืออิ่มก็ยิ้มพอกัน ชีวิตกลางน้ำสุขสันต์ ...โอ้สวรรค์ ในเรือนแพ

| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |