| | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
องค์ละเวงวัณฬาถามสองนางพี่น้องถึงความผิดปกติของป่าที่พักอยู่ สองนางพี่น้องจึงทูลว่าป่านี้ชื่อกาลวัน
มีเจ้าป่ารักษาสิงอยู่ในถ้ำกลำพัน กินสัตว์เป็นอาหาร ผู้ใดมายังที่นี้อารักษ์ก็จะแอบสะกดแล้วเอาไปกินเสีย
นางกษัตริย์ทราบความก็นึกหวาดหวั่น ถามสองนางพี่น้องว่าเมื่อรู้เช่นนี้แล้วเหตุใดจึงให้มาพักอยู่
ณ ที่นี้ สองนางพี่น้องทูลตอบว่า บาทหลวงบอกว่าตราพระราหูจะคุ้มภัยได้
กรุงลังกายังไม่สูญประยูรศักดิ์ และข้าศึกจะกลับรักร่วมจังหวัดปัฐพี
นางกษัตริย์ได้ฟังก็ให้นึกอายใจ ถามต่อว่า บาทหลวงทายมาเพียงเท่านั้นหรือยังมีอีก
หรือว่านางกับพระอภัยจะได้เป็นคู่กัน สองนางพี่น้องทูลตอบว่า บาทหลวงทายไว้แต่เพียงเท่านั้น
| ค นางฟังความยามดึกนึกวิตก | สะอื้นอกอาลัยพระทัยหาย |
| คิดถึงพระอภัยแล้วให้อาย | ช่างเคราะห์ร้ายนี้ไฉนกระไรเลย |
| เมื่อต่างชาติศาสนาเป็นข้าศึก | สุดจะนึกร่วมเรียงเคียงเขนย |
| ขอสู้ตายชายอื่นไม่ชื่นเชย | จนล่วงเลยสู่สวรรค์ครรไล |
| หนาวน้ำค้างพร่างพรมจะห่มเสื้อ | พออุ่นเนื้อนอนสนิทพิสมัย |
| ถึงลมว่าวหนาวยิ่งจะผิงไฟ | แต่หนาวใจจำกลั้นทุกวันคืน |
| แม้มีคู่ชูชิดสนิทนุ่ม | เหมือนห่อหุ้มผ้าทิพย์สักสิบผืน |
| หอมบุปผามาลัยไม่ยั่งยืน | ไม่ชูชื่นเช่นรสพจมาน |
| ค โฉมเฉลาเล่าเรื่องให้รู้แจ้ง | พอส่งแสงสูรย์สว่างกลางเวหา |
| ต่างพิศดูผู้ตายคล้ายคุลา | มีแต่ตาข้างเดียวดูเขี้ยวโง้ง |
| ทั้งหน้าง่ายรายเริ่มโดนเมียข่วน | ผมแต่ล้านมีผูกจมูกโด่ง |
| ใบไม้นุ่งรุงรังสันหลังโกง | ดังผีโป่งปากเหม็นเช่นกุมภา |
| ค ยุพาว่าพระองค์จะทรงปราบ | ให้ราบคาบเจตแคว้นแดนสิงหล |
| อันพวกผีมิได้เห็นเป็นสกนธ์ | จะใช้คนสัประยุทธ์สุดทำนอง |
| ควรจะหาอารักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ | ซึ่งสถิตถ้ำเขาเป็นเจ้าของ |
| เข้าโรมรันกันเองคุ้มเกรงครอง | จึงจะต้องตามเล่ห์ประเวณี ฯ |
| ค นางกษัตริย์ตรัสว่าเวลานี้ | จะบัตรพลีเทวดารักษาศาล |
| ถวายกรฟ้อนรำให้สำราญ | เจ้าตามมารดาฟ้อนจะสอนไว้ |
| แล้วรำร่ายฉายฉะประปลายบาท | กระหวัดวาดไว้จังหวะดูสะสวย |
| สองบังอรฟ้อนตามงามระทวย | ดำเนินนวยนาดกายชะม้ายเมียง |
| แล้วร้องบวงสรวงศาลหวานวิเวก | ทั้งทุ้มเอกอักษรชะอ้อนเสียง |
| เครื่องเสวยเคยถวายไว้รายเรียง | ทั้งหมากเมี่ยงมังสาสุราบาน |
| บุปผาพวงจวงจันทน์คันธรส | ทั้งเครื่องสาดของเราทั้งคาวหวาน |
| ขอศักดิ์สิทธิ์ฤทธิรงค์องค์พระกาฬ | มาสิงศาลสำหรับช่วยดับร้อน |
| ค นางละเวงเกรงบาปไม่หยาบหยาม | ขนานนามตามอยู่ที่ภูผา |
| ชื่อพระกาฬศาลเจ้าชาวลังกา | จึงเรียกมาตามกันทุกวันนี้ |
| อันนามถ้ำกลำพันอันอุบาทว์ | เกิดปีศาจสาปนามไว้ตามที่ |
| ชื่อว่าเขาเจ้ารำประจำปี | ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเช่นโบราณ |
| อย่าประมาทราชการท่านทั้งหลาย | ศึกไม่วายแต่ละวันนั้นจะดับ |
| เร่งระดมสมทบไว้รบรับ | เร่งกำชับด่านทางอย่างวางใจ |
| ฝ่ายทหารการศึกได้ฝึกปรือ | จะแก้มือเมืองผลึกยังตรึกความ ฯ |
| บาทหลวงดูรู้ความตามตำรา | จึงบอกว่าของอยู่ในใต้แผ่นดิน |
| กำหนดนั้นพันปีผุดทีหนึ่ง | เสียงตึงตึงแตกฟุ้งจรุงกลิ่น |
| เกิดตรงไหนไอเหงื่อเหมือนเกลือกิน | พื้นแผ่นดินก็เป็นโป่งที่ตรงนั้น |
| มนุษย์เราชาวเมืองเรียกเกลือโป่ง | เพราะปล่องโปร่งเปลวกลิ่นดินถนัน |
| ได้ผลกินกลิ่นเนื้อเหมือนเจือจันทน์ | บอกแล้วฉันชิมหวานสำราญใจ ฯ |
| ค ในสารว่าพระองค์ทรงสวัสดิ์ | สืบกษัตริย์ศาสนาภาษาสยาม |
| มาหยุดนั่งฝั่งสมุทรหยุดสงคราม | เพราะมีความเสน่หาให้อาวรณ์ |
| คิดถึงวันสัญญาเวลาดึก | มิได้นึกแหนงหน่ายสายสมร |
| แม้นตัวตายหมายฝังไว้ลังกา | แม่วัณฬาละฉันให้รัญจวน |
| หรือลืมคำทำสัตย์มธุรส | เกินกำหนดนึกคอยละห้อยหวน |
| จะทำสัตย์มธุรสพจมาน | ตามโบราณร่วมจังหวัดปัฐพี |
| ไม่รบพุ่งมุ่งหมายทำลายล้าง | จะสืบสร้างเสน่หามารศรี |
| แม่เหมือนเพชรเม็ดเท่าเขาคีรี | แม้นไม่มีเรือนทองก็หมองนวล |
| ถึงมียศงดงามแต่ยามตื่น | ไม่แช่มชื่นเช่นเจ้าของครองสงวน |
| งามละมอมจอมขวัญอย่ารัญจวน | จงคิดควรคำสารที่อ่านเอย ฯ |
| ค นางฟังความหวานไหวฤทัยหวั่น | ให้อัดอั้นอายเอกเขนกเฉย |
| บาทหลวงว่าข้าคิดไม่ผิดเลย | แต่พอเอ่ยออกก็เป็นเห็นไรฟัน |
| ค บาทหลวงว่าข้าไม่บอกไว้ดอกหรือ | สัญชาติชื่อว่าผู้ชายตายเพราะหญิง |
| จนของ้อของอนถึงวอนวิง | ราวกะวิ่งเข้ามาวานสังหารกาย |
| อันลมปี่ดีแต่เพราะเสนาะหู | ที่จะสู้ลมปากยากหนักหนา |
| แต่ความรักมักจะออกกระบอกตา | จะเป็นข้าพวกเขาชาวชมพู |
| แม้มิจริงสิ่งสัตย์สะบัดสบถ | ไม่เลยลดเลยพระองค์อย่าสงสัย |
| จะสู้รบขบฟันจนบรรลัย | ไม่ขอไปเป็นข้านางมาลี |
| แม้พระองค์ทรงสัตย์สันทัดเที่ยง | จะโลมเลี้ยงแล้วไม่อางขนางหนี |
| ให้เห็นจริงสิ่งสัตย์สวัสดี | ไม่มีที่กีดขวางเหมือนอย่างนั้น |
| จะได้ไปคำนับอภิวาท | เชิญพระบาทบรเมศวร์มาเขตขัณฑ์ |
| ถ้าพระองค์สงสารกับว่านเครือ | อย่าชิดเชื้อช่วงชิงผู้หญิงพาล |
| อันพาราฝรั่งทั้งทวีป | จะเร่งรีบรบรับแต่กับหลาน |
| มิได้เมืองเคืองขาดราชการ | จึงล้างผลาญชีวันให้บรรลัย |
| จะยกทัพนับโกฎิมาเกี้ยวชู้ | ใครจะสู้ส่งลำเลียงเสบียงไหว |
| จะอ้อยอิ่งวิงวอนจนอ่อนใจ | เห็นพวกไพร่จะผอมโซเพราะโลกีย์ ฯ |
| ค สินสมุทพูดจากประสาจิต | แม้ไม่คิดรบพุ่งเอากรุงศรี |
| จะบวชเข้าเอาบุญเป็นมุนี | ไปอยู่ที่เกาะแก้วเสียแล้วกัน |
| ค พระอภัยไม่พูดกับโอรส | ด้วยทรงยศเธอรักเขาหนักหนา |
| แต่เกรงน้องข้องขัดหัทยา | จึงแกล้งว่าพี่ก็ไม่อาลัยมัน |
| ถ้าได้ทีตีกระทั่งถึงวังใน | ใครอย่าได้ฆ่าฟันนางวัณฬา |
| ด้วยเดิมทีพี่เขากับเรานั้น | เหมือนพงศ์พันธุ์ผูกรักกันหนักหนา |
| จะปราบปรามตามทำนองของน้องยา | แต่อย่าฆ่าคิดล้างให้วางวาย ฯ |
| ริมวิถีมีลำแม่น้ำกว้าง | ทั้งสองข้างโขดดอนสิงขรเขิน |
| เป็นร่องกลางทางเซาะจำเพาะเดิน | มีเชิงเทินรายรอบขอบบุรี |
| ฝ่ายผู้เฒ่าเจ้าเมืองเคืองตะคอก | อย่าเพิ่งบอกเฟื่องฟุ้งถึงกรุงศรี |
| เราเป็นชายฝ่ายเจ้าเป็นสตรี | ชีวีมีมิให้องค์ออกสงคราม |
| อายุเราเล่าก็จวนหกสิบห้า | ถึงแม้ว่าวายวางลงกลางสนาม |
| สู้บรรลัยไว้ชื่อให้ลือนาม | จะสงครามปล่อยแก่พอแก้อาย |
| อนึ่งเล่าเขามาล้อมอยู่พร้อมพรั่ง | เปรียบเหมือนดังโรคตัดอัติสาร |
| จะวางยาแม้มิหายคงวายปราณ | แม้นเสียด่านก็เหมือนดังเสียลังกา |
ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
ฝ่ายลูกสาวเจ้าเมืองเตรียมการป้องกันอย่างเต็มที่ เห็นฝ่ายเมืองผลึกเอาศพนายทัพมาเสียบไว้ก็ตกใจ แต่ยังไม่เห็นบิดาของตน ทั้งยันตังที่สั่งไว้ก็ยังไม่กลับ จึงเที่ยวเดินตรวจพลอยู่
| ค ฝ่ายสามพราหมณ์สามทัพไม่ยับยั้ง | หมายจะพังป้อมประตูเข้าสู้ไล่ |
| ให้เอาโซ่ทำคั่นเป็นบันได | ขึ้นชิงชัยชาวพลบนกำแพง |
| พวกฝรั่งทั้งสิ้นเอาหินทิ้ง | บ้างยืนยิงปืนสั้นเกาทัณฑ์แผลง |
| แต่หักหาญราญรอนจนอ่อนแรง | ฝรั่งแทงล้มตายลงหลายคน ฯ |
| บอกหนังสือชื่อนางอยู่ต่างพ่อ | ให้ส่งต่อเป็นระยะไปถวาย |
| คนเร็วรับขับม้าจนตาลาย | ถึงบ้านรายรับกันเป็นหลั่นไป |
| อันเยี่ยงอย่างข้างฝรั่งนั้นอย่างนั้น | ทางสามวันวันหนึ่งเดินถึงได้ |
| แต่ลังกามาด่านปราการไพร | ประมาณได้สามวันดังพรรณนา ฯ |
| ค นางละเวงเพ่งพิศคิดสังเวช | น้ำพระเนตรหลั่งลงน่าสงสาร |
| เพราะสัตย์ซื่อถือนายสู้วายปราณ | โปรดประทานศพไว้ให้ยันตัง |
| เลื่อนศีรษะเป็นพระอุปราช | บรรจุไว้ในปราสาทบาทหลวงฝัง |
| ค นางทรงฟังสรรเสริญว่าเกินหญิง | ขยันยิ่งเสียกว่าชายนายทหาร |
| ให้ตั้งนางต่างบิดาบัญชาการ | เป็นผู้ผ่านพารารักษาเมือง |
| ทั้งเครื่องยศกลดกระบี่มีสำหรับ | หมวกประดับขนนกการเวกเหลือง |
| เสื้อสุหร่ายลายทองดูรองเรือง | ทั้งเกราะเครื่องแต่งรบมีครบครัน |
| | ย้อนกลับ | บน | หน้าต่อไป | |